วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“พรรคร่วมฝ่ายค้าน”รุมซัด“บิ๊กตู่” จี้“ยุบสภา-ลาออก” เพราะถ้าเจออภิปรายเดี๋ยวร่วง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พรรคร่วมฝ่ายค้าน”รุมซัด“บิ๊กตู่” จี้“ยุบสภา-ลาออก” เพราะถ้าเจออภิปรายเดี๋ยวร่วง

ฝ่ายค้าน ปลุกปชช.ร่วมพลังแสดงให้เห็นว่า “ประยุทธ์” หมดเวลาแล้ว ชี้ประเทศบอบช้ำมามาก ต้องการผู้นำเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เข้าใจปัญหาประชาชนสื่อสารด้วยความเข้าใจกัน ทันยุคทันสมัย และต้องการผู้นำพลเมืองโลกเคารพสิทธิเสรีภาพ

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 65 ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กทม. กลุ่มงานผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2565 “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีเวทีเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชน หัวข้อ “หมดเวลานายกฯ ก่อนประเทศหมดเวลา” ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ​​ประธานที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์​​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ​และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ นายเทวกฤต พรหมมา​​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ ​​ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์​​ ผู้ดำเนินรายการ

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คิดอยู่นานว่านายกฯหมดเวลา แต่เขาบอกยังมีเวลาถึงปี 2566 ซึ่งเราคงรออีกนาน แต่ตนมองว่าเราไม่ควรให้เวลานายกฯคนนี้มาตั้งแต่แรก เหตุผลเพราะมาจากรัฐประหารปี 2557 ที่เป็นการสมคิดคิดกับกลุ่มการเมือง เพื่อยึดอำนาจปกครองประเทศ เอารัฐบาลประชาธิปไตยออกไป ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ทราบดีว่า ตนเข้ามารัฐประหารว่าความถูกต้องชอบธรรมไม่มี เป็นรัฐบาลทำลายระบอบประชาธิปไตย จึงใช้คำพูดว่า ขออยู่ไม่นาน และแต่งเพลงออกมา อยู่ไปอยู่มาแต่งตั้งตนเองเป็นนายกฯ เพราะตำแหน่งนายกฯมันหอมหวาน และคิดอยู่ยาวสืบทอดอำนาจต่อไป แต่จะใช้ระบบเผด็จการหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราวทั้งโลกไม่ยอมรับ จึงสร้างรัฐธรรมนูญที่มีกลไกที่ดูเหมือนประชาธิปไตย แต่ความจริงคือการสืบทอดอำนาจ ผ่านการสร้างรัฐธรรมนูญปี 2660 และทำประชามติซ้อนว่าต้องนายกฯ คนนอก ส.ว. 250 คนเลือกนายกฯ และบีบบังคับห้ามรณรงค์ออกเสียงประชามติ

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่องค์กรอิสระไม่มีวินิจฉัยผลร้ายแก่พล.อ.ประยุทธ์ นี่คือความเป็นมาของรัฐบาลชุดนี้ จนอยู่มา 7 ปี จะครบ 8 ปี 23 ส.ค. 2565 เรามีความสุขแล้วหรือกับรัฐบาลแบบนี้ เรามีอะไรที่เป็นความสุขบ้าง ซึ่งมีเพียงนายทุนขนาดใหญ่ทั้งหลายรวยเอาๆ แต่ประชาชนกลับไม่เคยมีความสุข ทั้งข้าวของแพง หนี้สาธารณะชนชนเพดานจนต้องขยายเพดาน ภัยพิบัติทั้งหลาย การระบาดโควิด-19 การทุจริตคอร์รัปชั่น การปฏิรูปการเมืองไม่มีอะไรคืบหน้า มีแต่การเมืองแบบแจกกล้วย การแตกแยกในบ้านเมือง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคู่ขัดแย้งในสังคมเสียเอง ดังนั้นในเดือน พ.ค.นี้ เปิดสภา พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทันที

“ดังนั้นขอบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่า นี่จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายและเป็นประวัติศาสตร์ว่าพรรคการเมืองใดที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นพรรคการเมืองที่สูญพันธุ์ครั้งหน้า นอกจากนี้ อาวุธอีกอย่างนายกฯ คือห้ามดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญยึดตั้งแต่เป็นนายกฯครั้งแรกตั้งแต่ตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่มีการเขียนยกเว้นไว้ว่าสามารถดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีได้ อยากดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไร คุณหมดเวลาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไปได้แล้ว เพื่อความสง่างามก่อนถึงเดือน ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไปได้แล้ว”นายชูศักดิ์กล่าว

ด้านนายพิจารณ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างกีดกันพรรคเพื่อไทย เพื่อไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งเป็นการเลือกตั้งบัตรใบเดียว และมีสูตรคำนวนพลิกผัน และมีการแจกกล้วย ร่างเพื่อพล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ซึ่งเปรียบตาข่าย 2 ชั้น ส่วนวาระ 8 ปี เป็นตาข่ายที่ 3 ไม่ว่านายกฯคนใดอยู่นานไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีสำนึกด้วย หลักสากล ผู้นำอยู่อำนาจนานมีแนวโน้มไร้ธรรมาภิบาล แทรกซึมระบบข้าราชการ องค์กรอิสระต่างๆ ดังนั้นควรลาออกก่อนถึง ส.ค.นี้ ก่อนจะมีใครยืนตีความรัฐธรรมนูญ

นายพิจารณ์ กล่าวว่า ประเทศบอบช้ำมามากแล้ว เราต้องการผู้นำเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เข้าใจปัญหาประชาชนสื่อสารด้วยความเข้าใจกัน ทันยุคทันสมัย นำเทคโนโลยีบริหารประเทศ และบริการภายใต้สถานการณ์วิกฤต ต้องการผู้นำพลเมืองโลกเคารพสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเราไม่เห็นในตัวพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นเป็นผู้นำที่ดีที่เป็นช่วงสมัยปลายอยุธยาหรือต้นรัตนโกสินทร์แต่ไม่ใช่ยุคนี้

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ร่างกายหมดสภาพ ความรู้ไม่มี ความดีไม่ปรากฏและพรรคยังแตก ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงมี 2 ทาง คือ ไม่ยุบสภาก็ต้องลาออก เพราะถ้ามาเจออภิปรายเดี๋ยวร่วง แต่ยืนยันว่าการันตีได้เลยว่า เลือกตั้งครั้งหน้าไม่มีโอกาสเป็นนายกฯแน่นอน ซึ่งในการอภิปรายครั้งหน้าขอฝากให้พรรคร่วมฝ่ายค้านดูแลอย่าให้ใครเป็นงูเห่าเพิ่มอีก ตนเห็นใจพรรคใหญ่ที่คุมยาก ตนเป็นพรรคเล็กไม่กี่คนคุมง่าย พร้อมทั้งอยากให้ช่วยกันดีลฝ่ายรัฐบาลให้ได้ก็จะดี ซึ่งตนกำลังพยายามอยู่แต่ไม่มีเงิน จึงพยายามได้พูดคุยเข้ามาเป็นพวกเท่านั้น

ขณะที่ นายพนัส กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมในการบริหารกิจการบ้านเมืองและประเทศอีกต่อไป ปัญหาที่ประเทศเผชิญอยู่ในเวลานี้ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารกิจการบ้านเมืองของรัฐบาล นอกจากปัญหาโควิดแล้วยังมีในเรื่องราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน และยังไม่มีท่าทีว่ารัฐบาลนี้จะมีปัญหาแก้ไขได้ มีการแนะนำให้ประชาชนขี่จักรยานแต่ทำไมท่านยังนั่งรถประจำตำแหน่ง ผู้นำประเทศอื่นเขาทำตัวให้เป็นตัวอย่างกับประชาชน ดังนั้นลักษณะของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นการพูดอย่างทำอย่าง ดังนั้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงและวิกฤตอย่างยิ่งคือการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจของเรา และตนคิดว่าหมดเวลาของพล.อ.ประยุทธ์นานแล้ว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img