“เทพไท” ข้องใจ “บิ๊กป้อม” ทำปืนลั่นหรือไม่ ส่งสัญญานยุบสภาหลังประชุมเอเปค ชี้เป็นอำนาจนายกฯ ขู่ “บิ๊กตู่” ระวังยังเจออีก 5 กับดักทางการเมือง
วันที่ 16 มี.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า ตอนที่มีข่าวออกมาว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดในวงนัดเลี้ยงอาหารกับพรรคเล็กว่า จะยุบสภาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคแล้วนั้น ทำให้ผมแปลกใจว่า ทำไมพลเอกประวิตรออกมาพูดเช่นนั้น เป็นการเจตนาพูด หรือเผลอพูดไป ถ้าภาษานักเลงเขาเรียกว่า เป็นการทำปืนลั่นหรือไม่ เพราะอำนาจการยุบสภา เป็นอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การออกมาพูดในลักษณะชี้นำเช่นนี้ คนที่อึดอัดและลำบากใจในการตอบคำถาม ก็น่าจะเป็นพลเอกประยุทธ์ เพียงผู้เดียว
ส่วนตัวคิดว่าการที่พลเอกประวิตร ออกมาขีดเส้นตาย บอกใบ้การยุบสภา หลังจากการประชุมเอเปคเสร็จแล้วนั้น น่าจะเป็นความประสงค์ เพื่อต้องการลดแรงกดดันของทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของพรรคเล็ก ที่เป็นตัวแปรสำคัญทางการเมือง ต่อรอง เรียกร้องการดูแลแบบพิเศษสุด ซึ่งมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลมากที่สุด การประกาศความชัดเจน เรื่องอนาคตทางการเมือง ก็จะทำให้พรรคเล็กคิดถึงอนาคตทางการเมืองในวันข้างหน้า จะต้องทำอย่างไรต่อไป ต้องเตรียมตัวเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ที่มีการประกาศชัดเจนแล้ว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า แม้พลเอกประวิตร จะประกาศขีดเส้นการยุบสภาหลังจากประชุมเอเปคแล้วก็ตาม แต่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ยังต้องเจอกับดักทางการเมืองอีก 5 เรื่องใหญ่คือ
1.การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 เป็นการปิดโอกาสการยุบสภา ของพลเอกประยุทธ์ไปในตัว
2.การโหวตพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และพรรคการเมือง 2ฉบับ ในวาระ2-3 ถ้าหากถูกคว่ำ เมื่อเป็นกฎหมายที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ ก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ยุบสภาก็ลาออก
3.การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ถ้ารัฐบาลแพ้โหวตในสภา ในกฎหมายการเงินรัฐบาล ก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการยุบสภาหรือลาออกเช่นเดียวกัน
4.พลเอกประยุทธ์ จะต้องเจอกับเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบวาระ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องวินิจฉัยชี้ขาด ถ้าหากแน้วโน้มการวินิจฉัยให้วาระ 8 ปีตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พลเอกประยุทธ์อาจจะชิงยุบสภา หรือลาออกก่อนมีคำวินิจฉัยก็ได้
5.การประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ทั้งพรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล ก็พยายามเคลื่อนไหวกดดันให้รัฐบาลต้องมีอันเป็นไปก่อนการเปิดประชุมเอเปค เพื่อไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์ แสดงบทบาทในฐานะตัวแทนของประเทศไทย ต่อประชาคมโลก
“การประกาศช่วงจังหวะการยุบสภา ของพลเอกประวิตร น่าจะเกิดผลทางการเมือง 2 ประการคือ 1.ลดแรงกดดันทางการเมืองของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง 2.จะเป็นการกดดันพลเอกประยุทธ์ไปในตัวว่า เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคแล้ว จะต้องยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ ส่วนความเปลี่ยนแปลงใดๆ หากจะเกิดขึ้นก่อนการประชุมเอเปคหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของสถานการณ์การเมืองที่จะต้องวิเคราะห์กัน ชนิดวันต่อวันกันต่อไป”นายเทพไท กล่าว