“รัฐบาลลุงตู่” ซมซานคลานต่ำข้ามแดนประหาร “ญัตติซักฟอก-งบประมาณรายจ่ายปี 66-ปมห้ามเป็นนายกฯเกิน 8 ปี 24ส.ค.65” ไปได้ ก็ปลุกสัญญาณชีพอยู่ถึงเสร็จสิ้นประชุมเอเปกปลายปี 65
“ขอให้ทุกคนสามัคคีร่วมทำงานในรัฐบาลต่อไป หลังประชุมเอเปก พ.ย.65 ถึงยุบสภา เลือกตั้งใหม่ต้น ปี 66” “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้จัดการรัฐบาลและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวบหัวรวบหาง “กลุ่ม 16” อ้อนแกลมให้ความหวังแบ่งไออุ่นให้กลางวงกินข้าว ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
แล้ว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ปกติย้ำมาตลอด “ไม่ปรับครม.-ไม่ยุบสภา” ก็ออกตัวดูจังหวะหวะที่เหมาะสม ก่อนตัดสินใจใช้อำนาจยุบสภา
นับเป็นครั้งแรกของ “บิ๊กตู่” ยอมรับว่า รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม และเป็นครั้งที่สองในรอบปีที่ “บิ๊กป้อม” เปิดไทม์ไลน์รัฐบาลฮึดสู้ลากยาวถึงปลายปี ไม่หวั่นไหวสถานการณ์ในสภาพลิกคว่ำพลิกหงาย เพราะสามารถบริหารจัดการเสียงข้างมากได้
แม้มีหอกข้างแคร่อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ “ภูกอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทยและพวก จัดอยู่ในประเภทผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกับก๊วน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม คอยเป็นเสี้ยนหนามตำแทง “อำนาจบิ๊กตู่”
แต่ไม่มีผลสะเทือนต่อเก้าอี้นายกฯ อย่าลืมว่า “บิ๊กตู่” ผูกข้อมือเป็นเสี่ยวกับเซราะกราว ขั้วอำนาจแห่งบุรีรัมย์ ที่นับวันความแนบชิดแห่งอำนาจยิ่งควบแน่น นั้นหมายถึงเสียงของพรรคภูมิใจไทยที่ฝากเลี้ยงไว้พรรคอื่น พร้อมโหวตค้ำบัลลังก์ให้นายกฯ
ที่สำคัญฐานเสียงทั่วประเทศของพรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่ไม่ทับซ้อนกับฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ถึงฤดูเลือกตั้ง ไม่มีวันเหยียบตาปลากันเอง การขัดแย้งระหว่างแม่ทัพ ก็ไม่เกิดขึ้น
ต่างกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ แน่นอนส่วนใหญ่มีฐานเสียงทับซ้อนกัน
โดยเฉพาะภาคใต้ แค่เลือกตั้งซ่อม 3 เขต จ.นครศรีธรรมราช สงขลา และชุมพร ระดับแม่ทัพยันลูกหาบดาหน้าปะฉะดะ ไม่ยอมอ่อนข้อ
ถึงจังหวะนั้น “รัฐบาลลุงตู่” คงคลานข้ามแดนประหารไปได้ ก่อนชิงยุบสภามอบของขวัญชิ้นโบว์แดงให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ ปี 66
รัฐบาลพ้นเงื้อมมือมัจจุราชเมื่อไหร่ !? ตามยุทธศาสตร์คัมแบ็กเป็นนายกฯ อีกรอบของ “บิ๊กตู่” ต้องสร้างฐานการเมืองให้แข็งแกร่ง กวาดสายตามีเพียงภาคใต้มีโอกาสได้ ส.ส.เพิ่ม
ยุทธวิธีเพิ่ม ส.ส.ภาคใต้ เริ่มจากยอมเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” หลังข้ามแดนประหาร โดยเขี่ยพรรคประชาธิปัตย์ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และปรับครม.เตรียมเลือกตั้งใหญ่ต้น ปี 66
เพราะนับจากวันนั้นจนถึงครบเทอมรัฐบาล ในสภาไม่ใช่สมรภูมิหลักแห่งอำนาจอีกต่อไป สมรภูมิหลักที่แท้จริงในวันนั้น คือ พื้นที่เลือกตั้ง
ฉะนั้นต้องจับตาดูลีลาพรรคเก่าแก่ โดดหนีจากซากเน่าเงาพลังประชารัฐ ชิงถอนยวงก่อนถูกเขี่ยพ้น “รัฐบาลลุงตู่”
เพื่อตีกระแสสร้างขั้วการเมืองสู้กับพรรคเพื่อไทย ตามยุทธศาสตร์การเมืองในประเทศยังสู้กันที่สองขั้วใหญ่
………………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย..#ราษฎรเต็มขั้น
