“ดร.ซุป” ปาฐกถาระดมทุน ปชป.ชี้ต้องไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเดิน แนะแก้โควิดต้องใช้วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เร่งตะลุยฉีดวัคซีนให้คนอายุ 80 ปี ชมยุทธชาติ 20 ปีทำให้ไทยมั่นคง ให้คะแนน “จุรินทร์-เฉลิมชัย”สูงมาก ผลักดันการเกษตร-แข่งขันสินค้า
วันที่ 25 มี.ค. 65 ที่เซนทรัล ลาดพร้าว BBC Hall แกรนด์ บอลรูม พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดงานดินเนอร์ทอล์ค ภายใต้ชื่องาน “Go Together, Go Further” เพื่อระดมทุนพรรค ซึ่งจัดที่นั่งโต๊ะละ 5 คน จำนวน 120โต๊ะ โต๊ะละ 2.5 ล้านบาท รวมประมาณ150-200 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยมีแกนนำพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคฯ และประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เป็นต้น รวมถึงส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรค นอกจากนี้ตัวแทนภาคเอกชน มาร่วมงานด้วยอย่างคึกคักภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยผู้เข้ามาร่วมงานต้องผ่านการตรวจเอทีเคก่อนเข้างานทุกคน ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย เนื่องจากติดภารกิจอื่น
ทั้งนี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้ว่าต้องการให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการเดินไปข้างหน้ากับพรรค ซึ่งเป็นพรรคเดียวที่พี่น้องคนไทยทุกคนมีโอกาสเข้ามาเป็นเจ้าของ การจัดงานในครั้งนี้เป็นงานของพวกเราทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งและเป็นเจ้าของงานไปพร้อมกับพรรค เป็นครอบครัว มีความเป็นกันเอง พูดคุยกันฉันท์ญาติมิตร จึงขอให้ถือว่าเป็นการพบปะของคนในครอบครัว กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งเป็นการจัดงานระดมทุน และเป็นการทำโดยเปิดเผย และถูกต้องตามกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำอะไรใต้ดิน วันนี้ที่เชิญผู้มีเกียรติทุกท่านมา ก็เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เป็นการขับเคลื่อนบนดิน ไม่ใช่ใต้ดิน และทุนที่ได้ในวันนี้จะนำไปทำกิจกรรมของพรรค ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดเผยต่อสาธารณชน และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมประชาธิปไตย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นตัวเลือก และเป็นที่พึ่งให้กับพี่น้องประชาชน ขอยืนยันว่าทุนที่ได้ในครั้งนี้จะใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด โปร่งใสที่สุด
นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) บรรยายในหัวข้อเรื่องเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ตอนหนึ่งว่า คำว่า Go Together เราจะไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเดิน สถานการณ์บ้านเมืองของเราและสถานการณ์ของโลกในเวลานี้ ถ้าเราไม่เดินไปพร้อมกัน ตนคิดว่าจะเกิดสงครามในทุกด้าน ไม่ใช่สงครามที่เรารบพุ่งกันเอง แต่เป็นสงครามเศรษฐกิจโลก สงครามโรคภัยไข้เจ็บ สงครามความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมในโลก แต่ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกคงไม่มีครั้งใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าช่วงนี้ เรียกว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจริงๆในหลายๆเรื่องพร้อมกัน ไม่มีครั้งไหนรุนแรงเท่านี้มาก่อน แต่ตนโชคดีที่ได้ทำงานกับบุคคลสำคัญหลายหลายคน เช่นนายโคฟี แอนนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเรื่องโรคระบาดในตอนนี้เชื่อว่ายังไม่มีความเชี่ยวชาญชำนาญพิเศษ แต่โรคระบาดเกิดขึ้นได้ก็ต้องหายไปได้ บางคนบอกว่ามันไม่มีวันหายแล้วจะอยู่ตลอดไป แต่ตนคิดว่ามันก็เหมือนโรคระบาดหลายโรคที่เคยเกิดขึ้นมา อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ตนได้พูดคุยกับสถาบันที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเขาสรุปว่าการที่ประเทศนิวซีแลนด์แก้ไขปัญหาการระบาดโควิดได้ดีนั้น มาจาก 1.รัฐบาลตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ไสยศาสตร์ หรือเรื่องการเมือง 2.รัฐบาลตะลุยฉีดวัคซีนเข็ม 3 ซึ่งเป็นเข็ม boosterให้กับผู้สูงอายุเกิน 80 ปีเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับฮ่องกงซึ่งตอนนี้กำลังประสบปัญหาการะบาด มีการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุที่อายุเกินกว่า 80ปี ไม่ถึง 2เปอร์เซ็น ซึ่งตรงนี้สามารถเป็นบทเรียนให้กับประเทศไทยได้ และ 3.ภายใน 1 ปีโลกสามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิดได้ สาเหตุเป็นเพราะทุกประเทศร่วมมือกันมีการวิจัยร่วมกัน แต่กระนั้นขณะนี้เกิดมีปัญหาในเรื่องการแชร์ข้อมูลความรู้ ทั้งนี้ ที่ตนเล่าให้ฟังถึง 3 ข้อดังกล่าวข้างต้นเป็นเพราะต้องการจะสื่อสารให้ทราบว่าเรามีทางออก
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า สิ่งที่ไม่น้อยไปกว่าโรคระบาด คือ ปัญหาสงคราม เวลานี้โลกของเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน แต่เราต้องระมัดระวังเรื่องการกระทบกระทั่งกัน โดยเฉพาะปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยูเครนเป็นหัวใจของสหภาพโซเวียตก่อนล่มสลายก่อนเป็นประเทศที่สามในโลกที่มีขีปนาวุธมากที่สุด เพราะเคยมีกองกำลังมาตั้ง
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สำหรับไทยนั้นเราต้องเตรียมพร้อมรับ ตนคิดว่าแผนยุทธศาสตร์ของชาติ 20 ปีของเราที่หลายคนบอกว่ายาวนานเกินไปนั้น ตนเชื่อว่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับเราทุกด้าน ทั้งด้านความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างมนุษย์และการเจริญเติบโตกับสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมและด้านการศึกษาทั้งหมดนี้อยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเป็นการสร้างเกราะกำบังที่แข็งแกร่งให้กับเรา ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องเข้าใจในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและช่วยกันพยายามผลักดันโครงการนี้ต่อไป
“เวลาการเมืองบ้านเราเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง นโยบายก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจะไม่มีทางสำเร็จได้ ซึ่งต้องเป็นนโยบายที่ชัดเจนและต่อเนื่อง โดยยุทธศาสตร์ชาติของเราชัดเจนว่าจะต้องพัฒนาคนอย่างไรให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ ไม่ใช่แค่การท่องจำ อย่างไรก็ตามผมขอให้คะแนนนายจุรินทร์และนายเฉลิมชัยในการผลักดันเรื่องการเกษตร และความสามารถในการแข่งขันสินค้าของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญอย่างมาก ผมขอให้คะแนนทั้งสองท่านสูงมาก” นายศุภชัย กล่าว
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ “ยุทธศาสตร์ การนำเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด ว่า
เราเป็นพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในประเทศ สองปีกว่าที่ผ่านมาเอาเข้าจริงประเทศไทยของเราไม่ได้เจอเฉพาะโควิด แต่เราเจอปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง ล่าสุดที่ซ้ำเติมเข้ามาคือปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยของเราโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สองถึงสามปีที่ผ่านมา เราผ่านวิกฤตไม่ว่าจะเป็นโควิด เศรษฐกิจ การเมืองมาได้ โดยเฉพาะในภารกิจที่พรรคประชาธิปัตย์รับผิดชอบในฐานะรัฐบาล ซึ่งนั่นหมายถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเกิดจากการที่เราตั้งหลักไว้ชัดตั้งแต่ต้น หลายคนเคยได้ยินวิสัยทัศน์ “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” ที่ใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต นี่คือนวัตกรรมที่เป็นวิสัยทัศน์อย่างหนึ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นมาโดยมีต้นแบบที่ประสบความสำเร็จให้เห็นมาแล้วในประเทศที่พัฒนา เช่น ญี่ปุ่น ส่วนประเทศไทยเราคือการเกษตร จึงเกิดพาณิชย์ตลาดขึ้นและเราทำงานร่วมกันมาในตลอด2-3ปีที่ผ่านมาและประสบความสำเร็จ
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองคือกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนทุกอย่างไปสู่ความสำเร็จของประเทศ พรรคประชาธิปัตย์อาจจะต่างกับพรรคอื่น เพราะเป็นสถาบันการเมืองอยู่มา 76 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 77 เป็นพรรคการเมืองที่มีอดีต ปัจจุบัน และจะมีอนาคตฃ เป็นพรรคการเมืองของคนทุกรุ่น และจะอยู่ดำรงต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพราะการบ้านของประเทศคือการบ้านของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าการสนับสนุนของทุกคนในวันนี้จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนพรรคการเมือง ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดและดีที่สุดพรรคหนึ่งของประเทศ