“เทพไท” ตอกผลโหวตบัตร 2 ใบคนละเบอร์ สนองตัณหานักการเมือง อ้างขัดรธน.เอื้อประโยชน์ของตัวเอง มาอธิบายรองรับความชอบธรรมมากกว่า แก้แลนสไลด์ปัญหาซื้อเสียงไม่ได้
วันที่ 31 มี.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า เมื่อผลการลงมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีมติด้วยคะแนนเสียง 32 ต่อ 14 งดออกเสียง 1 ให้มีการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คนละเบอร์กัน ก็ถือว่าเป็นข้อยุติในขั้นการพิจารณาคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ แต่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาในขั้นแปรญัตติวาระ 2 และลงมติในวาระ 3 ในที่ประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวสนับสนุนแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการให้มีการใช้บัตร 2 ใบ เบอร์เดียวกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เป็นที่ตั้ง จะได้ไม่สับสนในเรื่องบัตรของผู้สมัครในระบบเขตกับบัตรเลือกตั้งของผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ซึ่งคิดว่าเป็นธรรมต่อพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกล เท่านั้น แต่เชื่อว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ระบบพรรคการเมืองมีความเข้มแข็งด้วย
นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับเหตุผลในการโหวต จะมีข้ออ้าง 2 เรื่องหลัก คือ 1.เรื่องการสกัดกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย การใช้บัตร 2 ใบ คนละเบอร์กัน ก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางเจตนารมย์ของประชาชนได้ หากประชาชนจะเลือกพรรคเพื่อไทยเสียอย่าง การใช้บัตร 2 ใบ เบอร์เดียวกัน จะเป็นประโยชน์ของทุกพรรค มีสิทธิ์แลนด์สไลด์ได้ทุกพรรค ถ้าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนกัน 2.เรื่องการป้องกันการซื้อเสียง ที่บัตร 2 ใบ เบอร์เดียวกัน ก็อาจจะง่ายต่อการซื้อเสียง ในลักษณะขายเหล้าพ่วงเบียร์ได้ แต่ในขณะเดียวกันการที่บัตร 2 ใบ คนละเบอร์กัน ก็ใช่ว่าจะป้องกันการซื้อเสียงได้ ยิ่งเป็นการง่ายสำหรับนักการเมืองซื้อเสียงด้วยซ้ำไป ที่สามารถซื้อเฉพาะเสียงของตัวเองที่ลงสมัครในระบบเขต โดยไม่สนใจเสียงคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ หรือคะแนนของพรรคที่สังกัด สามารถเอาตัวรอดได้ง่ายกว่า
ส่วนการยกประเด็นการขัดรัฐธรรมนูญ มาเป็นเหตุผล ก็เพื่อหวังให้การโหวตเลือกบัตร 2 ใบ คนละเบอร์ มีความชอบธรรมและมีน้ำหนักมากขึ้น
“ดังนั้นการยกข้ออ้างเหตุผลข้อดีข้อเสีย ของบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเบอร์เดียวกัน กับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์ ก็เป็นเพียงข้ออ้างของพรรคการเมือง ที่ยึดประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก มาอธิบายรองรับความชอบธรรมมากกว่า ทั้ง 2 แบบ ก็มีข้อดีข้อเสียกันทั้งนั้น แล้วแต่ฝ่ายไหนจะหยิบยกประเด็นใด ขึ้นมาอธิบายสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายของตัวเองมากกว่ากัน”นายเทพไท กล่าว
