“พิชัย” จี้ “ประยุทธ์” หัดคิดล่วงหน้าแก้ปัญหามากกว่าไล่ตามปัญหา เอาอย่าง “เพื่อไทย”บ้าง หวั่นพาชาติเดินลงเหว ชู 9 แนวทางช่วยประชาชน-ฟื้นเศรษฐกิจ ทำได้ทันที
วันที่ 4 เม.ย.65 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยปีนี้อยู่ที่ 4.9% ซึ่งเป็นไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเตือนไว้แต่แรก และยังมีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้ออาจจะสูงกว่านี้ด้วย นอกจากนี้ ธปท. ยังปรับลดคาดกณ์การเจริญเติบโตเศรษฐกิจปีนี้เหลือเพียง 3.2% ในขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ปรับลดประมาณการณ์เหลือเพียง 2.7% โดยตนได้เตือนไว้ก่อนแล้วว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายได้ไม่ถึง 4% ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม โม้ไว้แน่นอน ทั้งนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจของไทยในปีนี้อาจจะต่ำกว่านี้ได้อีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนลำบากกันมากขึ้น
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐหลังจากที่ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% และยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้ง โดยนายจาโรม เพาเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ยืนยันว่าเงินเฟ้อในสหรัฐสูงเกินไป จึงต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยอาจขึ้นครั้งละมากกว่า 0.25% ก็ได้ โดยมีการคาดกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 1.75% ภายในสิ้นปีนี้ และ อาจขึ้นถึง 2.75% ภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ และกำลังผันผวนอย่างหนัก ประเทศไทยต้องการผู้นำที่มีความรู้ทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง มองเห็นปัญหาล่วงหน้าเพื่อจะแก้ไขปัญหาได้ทัน และสร้างความมั่นใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อจะนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และจะต้องเปิดรับความคิดเห็นของคนทุกฝ่ายเพื่อนำมาปรับปรุงการบริหารประเทศ ไม่ใช่บริหารล้มเหลวแต่ยังหลอกตัวเองว่าไปได้ดี อีกทั้งยังบริหารตามสถานการณ์ตลอด เกิดปัญหาแล้วถึงจะคิดแก้ไข ซึ่งจะรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงในปัจจุบันไม่ได้ ถ้ายังไม่รู้จักการคิดล่วงหน้า
นายพิชัย กล่าวอีกว่า จึงอยากเสนอ 9 แนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยการมองปัญหาล่วงหน้าดังนี้
1.รักษาระดับค่าเงินบาทให้อ่อนค่า เพื่อส่งเสริมการส่งออก ซึ่งในปัจจุบันการส่งออกของไทยยังขยายตัวได้ดี อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนจะทำให้ราคาผลิตผลทางการเกษตรมีระดับราคาที่สูงขึ้น
2.รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำ ขึ้นดอกเบี้ยให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดภาระของภาคธุรกิจ และป้องกันหนี้เสียเพิ่ม อีกทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำจะช่วยค่าเงินบาทให้อ่อนด้วย ทั้งนี้ต้องระวังอย่าให้มีเงินตราต่างประเทศของไทยไหลออกไปมากนัก ในกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ย ก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องการเวลาในการฟื้นตัวได้ รวมถึงมาตรการลดหนี้ ลดดอกเบี้ย เฉพาะธุรกิจที่จะไปรอดเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ
3.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว ปรับระบบการท่องเที่ยวให้สะดวกแก่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ยกเลิกอุปสรรคต่างๆ ของนักท่องเที่ยว ลดขั้นตอนการเข้าประเทศ เลิกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน และเร่งทำการตลาดเพื่อนำนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยให้มากที่สุดโดยเร็ว การท่องเที่ยวจะเป็นการกระจายรายได้ในทุกระดับที่ดีที่สุด และจะฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด
4.เร่งทำการตลาดสินค้าเกษตรกรเพื่อให้ได้ราคาผลผลิตทางการเกษตรสูงขึ้น เช่น ราคายาง ราคาข้าว ราคาอ้อย ควรมีราคาสูงกว่านี้ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันแพงขนาดนี้ และปัญหาสงครามรัสเซียยูเครนทำให้ราคาสินค้าต่างๆ รวมถึงสินค้าเกษตรพุ่งสูง พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายทางการเกษตรทั้งราคาปุ๋ย ราคาอาหารสัตว์ และ ราคาน้ำมัน เป็นต้น
5.เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มของประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดการเดินทาง ลดขนาดของราชการ เพิ่มประสิทธิภาพ และ ลดการคอรัปชั่น “ราชการต้องเล็กลง ประชาชนต้องใหญ่ขึ้น” อีกทั้งจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีธุรกิจทางเทคโนโลยีขนาดใหญ่ให้เกิดขึ้นได้อีกมาก
6.ปรับเปลี่ยนงบประมาณใหม่หมด โดยตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะงบทางการทหาร และการซื้ออาวุธ และนำมาใช้ฟื้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องหลัก “ทุกบาททุกสตางค์ที่จะใช้ ต้องคิดว่าจะมีผลต่อการฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างไร จะสร้างงานเพิ่มเท่าไหร่” ซึ่งการแจกเงินจะเป็นแค่การช่วยเหลือแต่จะไม่สามารถช่วยการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
7.ลดค่าใช้จ่ายเพื่อประคองค่าครองชีพของประชาชน เช่นลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดค่าโดยสารสำหรับการขนส่งมวลชน อีกทั้งจัดบริการรถเมล์ฟรี และ รถไฟฟรี รวมถึง ไฟฟ้าฟรี ประปาฟรี ในระดับที่เหมาะสมสำหรับผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งเร่งการพัฒนาโครงการพื้นฐานทางการคมนาคมที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
8.ทยอยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้ประคองตัวในภาวะเศรษฐกิจที่ข้าวของแพงเช่นนี้ ในขณะเดียวกับธุรกิจมีเวลาปรับตัวกับการจ้างแรงงานที่แพงขึ้น รวมถึงการสร้างงานที่สามารถจ้างแรงงานราคาสูงรองรับ รวมถึงการคงค่าเงินบาทที่อ่อน เพื่อรักษาความสามารถแข่งขันในการส่งออก
9.ควบคุมราคาพลังงาน และ ถือโอกาสปรับโครงสร้างต้นทุนราคาพลังงาน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ให้สะท้อนความเป็นจริง ลดการเอาเปรียบของบริษัทพลังงานที่ตอนนี้ต้องช่วยประชาชนให้รอดก่อน รวมถึง การเจรจาหาแหล่งพลังงานราคาถูกเพื่อช่วยเหลือประชาชนและจะนำรายได้เข้ารัฐได้จำนวนมาก
“9 แนวทางเบื้องต้นที่สามารถทำได้ทันที และจะช่วยประคองเศรษฐกิจของไทยได้ แต่ถ้าจะฟื้นเศรษฐกิจไทยให้พัฒนามากขึ้นจะต้องมีนโยบายมากกว่านี้อีกมาก ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะนำเสนอแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อถึงการเลือกตั้งใหญ่ครั้งใหม่ที่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ จากภาวะที่ประชาชนไม่สามารถทนต่อปัญหาเศรษฐกิจได้อีกต่อไปแล้ว ขอให้มั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามามากๆเพื่อสามารถฟื้นเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังย่ำแย่สุดขีดให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งเหมือนในอดีตที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว”นายพิชัย กล่าว