“นายกฯ” ห่วงปชช. เตือนรับข่าวสารอย่างมีสติ ยันวัคซีนโควิด ยังจำเป็น ลดป่วย-เสียชีวิต ย้ำ ในเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด
วันที่ 8 เม.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยและฝากย้ำเตือนไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนให้เสพข่าวสารอย่างมีสติ จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 ยังคงมีความจำเป็น หลังมีการเผยแพร่บทความในสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นว่าไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้นั้น ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากทั้งภายในและต่างประเทศชี้ให้เห็นตรงกันชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ยังคงมีความจำเป็น กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความรุนแรงของโรค และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ 5 องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ ซึ่งมีสมาชิกเป็นแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหลัก ประกอบด้วย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย สมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกประกาศร่วม เพื่อสนับสนุนการรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ควรรับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยระบุสาระสำคัญว่า
- วัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้เพิ่มขึ้น และป้องกันการเกิดโรคโควิด-19 ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม และลดอาการและความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม
- ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า การได้รับวัคซีนที่มากเกินไปจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกาย หรือมีการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่กลับพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ช่วยลดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งลดการเกิดอาการภายหลังโควิด-19 (long COVID) และ
- วัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพต้านเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัย และยังไม่แน่นอนว่าจะสามารถผลิตใช้โดยทั่วไปได้เมื่อใด จึงมีความจำเป็นที่ต้องรับการกระตุ้นด้วยวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตสำหรับสายพันธุ์ดั้งเดิมไปก่อนในปัจจุบัน ประกอบกับ องค์การอนามัยโลก ประเทศไทย แนะนำให้บุตรหลานพาผู้สูงอายุไปรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อโควิด-19 พร้อมเผยการวิเคราะห์ล่าสุดในประเทศไทยชี้ว่า การรับวัคซีน 2 เข็มช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้ 6 เท่า และการรับวัคซีน 3 เข็มลดความเสี่ยงได้ถึง 41 เท่า https://www.facebook.com/photo?fbid=352691810236211&set=a.311265731045486
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับทั้งตนเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมเยือนญาติผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงรับเชื้อ และเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงกว่าคนที่อายุน้อยกว่าอย่างมาก โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปอด หรือมะเร็ง
“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชน ให้รับข่าวสารจากช่องทางที่เป็นทางการ เชื่อถือได้ เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง โดยมีความเป็นห่วงผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ขอให้ฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เนื่องจากตระหนักถึงความจำเป็น พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชน ลูกหลานพาผู้สูงอายุไปรับวัคซีน รวมทั้งกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเมื่อครบกำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วย และลดเสี่ยงเสียชีวิต และในเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด และฉลองเทศกาลปีใหม่ไทยอย่างปลอดภัย และมีความสุข”