กระแสกดดันรัฐบาลปราบปรามสแกมเมอร์แรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ ทยอยยึดทรัพย์เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมี “ตัวการใหญ่” บงการอยู่ในถิ่นอินโดจีน
หันมาดูประเทศไทย ยังจัดการแค่การพนันออนไลน์ จับเครือข่ายตัวเล็ก ๆ ทั้งที่ไทยถูกมองว่า เป็นแหล่งฟอกเงินขบวนการสแกมเมอร์ ถิ่นหลบภัยของตัวการใหญ่ เป็นทางผ่านของเหยื่อสแกมเมอร์
จนถูกสังคมตั้งคำถาม “ทุนเทายึดประเทศไทย” แทรกซึมเข้าไปทุกวงการ โดยเฉพาะพรรคการเมือง ถึงขั้น “ทุนเทา” เสี่ยงเป็นตัวแปรสำคัญชิงอำนาจรัฐในสมรภูมิเลือกตั้ง ที่กำลังเกิดขึ้นในวันที่ 29 มี.ค.69 หากรัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” ยุบสภาตามไทม์ไลน์ 31 ม.ค.69
เพื่อส่งตัวแทนที่เป็น “ผู้มีอิทธิพล” เข้าไป “กำหนดนโยบายรัฐ-คุมกลไกรัฐ” ให้เอื้อต่อขบวนการนี้ เล่นเอาสังคมผวา เพราะพฤติกรรมนี้ เคยฉายหนังตัวอย่างให้เห็นในช่วงเลือกตั้งซ่อม สส.เขตหนึ่ง ว่ากันว่า ใช้ทุนเกทับกันทะลุเกินเลข 9 หลัก โดยที่ “กกต.” ตาบอด มองไม่เห็นพฤติกรรมทุจริตเลือกตั้ง
ปมร้อนค่อย ๆ กัดกิน “ความนิยมรัฐบาลเสียงข้างน้อย” ถึงขั้นปรับทัพกันใหญ่อีกครั้ง หลังตั้ง “ซุปเปอร์บอร์ดปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์” มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน แม้ลงแส้ขันน็อต แต่กลไกรัฐ ต่างองค์กร-ต่างทำงาน

เอาเฉพาะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” อดีต รองผบ.ตร. ออกมาปูดเส้นทางการเงินเว็บพนันถึงตำรวจเพิ่มอีก 30 รายจากที่ตร.ชี้มูลไปแล้วกว่า 200 ราย เส้นทางเงินโยงถึงญาติ “บิ๊ก ต.”
คดีไม่คืบ เอาผิดใครไม่ได้ รัฐบาลรู้ดีว่า เฉพาะ “ตร.” ก็ทำงานไม่สอดประสาน ต่างคนทำ ยิ่งแอ็กชันทำงานร่วมเป็นทีมกับองค์กรอื่น ชาตินี้การจับ “ตัวการใหญ่” อายัดและยึดทรัพย์ “ขบวนการทุนเทา” เหลว…แน่
ลองนึกภาพรูปแบบการทำงานของบอร์ดปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ คล้าย ๆ คณะกรรมการปราบปรามขบวนการแรงงานเถื่อน ในบางยุค ผลประโยชน์น้อยกว่าขบวนการสแกมเมอร์อย่างมหาศาล แม้มีระดับรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7-8 องค์กร
ขนาดรองนายกฯ สอบถามความคืบหน้ากลางที่ประชุม หน่วยงานรัฐยังโยนขี้กันไป-มา สุดท้ายรองนายกฯ สรุปส่วยไม่ถึงระดับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นั้น ๆ แรงงานก็เถื่อนถูกจับ แต่ตัวการใหญ่รอดเกือบทุกครั้ง การปราบปรามแรงงานเถื่อนถึงล้มเหลวมาตลอด
แต่ขบวนการสแกมเมอร์ “ทุนหนัก” ซื้อตัวเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำยุค อำนาจรัฐปกติจัดการไม่ได้ หากปล่อยไว้ไทยเสี่ยงสูงเข้าสู่รัฐทุนเทา

ถึงเกิดลงนาม MOU ครั้งประวัติศาสตร์ รัฐบาล รัฐ เอกชน…รวมพลัง ลุยอาชญากรรมทางไซเบอร์ ยกให้เป็น “วาระแห่งชาติ” ตัดวงจรอาชญากรรม โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ต่อผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุน ยึด-อายัดทรัพย์สินทันที เพื่อตัดเส้นทางการเงิน-ฐานฟอกเงิน
“นายกฯหนู” ขึงขังประกาศกร้าวสงครามครั้งสุดท้าย ต้องชนะเท่านั้น พร้อมให้คำมั่น “ไม่เกี๊ยะเซียะ” มีแต่ลุยลูกเดียว
ถึงขั้นแสดงความมุ่งมั่น…จะตายตาไม่หลับ ถ้าไม่ทำภารกิจให้สำเร็จในขณะที่มีอำนาจ โชว์ศักยภาพผู้บริหารสูงสุดที่รับผิดชอบต่อสงครามครั้งสุดท้าย
หากทำสำเร็จ…“อนุทิน ชาญวีรกูล-พรรคภูมิใจไทย” มีโอกาสไปต่อ เป็นรัฐบาลอีกสมัย แต่ถ้าถูกสังคมมองว่า มีพฤติกรรมเกี๊ยะเซียะ เท่ากับ “ล้มเหลว” มีโอกาสสูง…ที่จะถูก “ตัดสัญญาณพิเศษ”
…………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย…. #ราษฎรเต็มขั้น



















