นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชางงีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และผลักดันความร่วมมือในหลากหลายสาขา
การเยือนครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย–สิงคโปร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีถึงกระแสข่าวการปล่อยเชลยศึกกัมพูชา 18 คน นายอนุทินไม่ได้ตอบคำถาม โดยเพียงยกมือชี้นาฬิกาเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องออกเดินทาง
นายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดการเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการในหลายกิจกรรม อาทิ พิธี “VIP Orchid Naming Ceremony” ณ Singapore Botanic Gardens, พิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ และการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ก่อนร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงระหว่างสองประเทศ รวมถึงการแถลงข่าวร่วม
ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสิงคโปร์ และเข้าร่วมงาน “SET Government Roadshow 2025” เพื่อกล่าวปาฐกถาพิเศษ พบปะนักลงทุนชั้นนำ พร้อมทั้งเยี่ยมชมชุมชนไทย แรงงานไทย และนักศึกษาไทยในสิงคโปร์ ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงค่ำวันเดียวกัน
การเยือนครั้งนี้ยังมีพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่
- บันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสิงคโปร์ (MOC on Rice Trade) เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหาร และ
- บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมการแพทย์และ Singapore Health Services (MOU on Healthcare Leadership in Urban Ageing Care) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และยกระดับการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจ สาธารณสุข และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 21.50 น. วันเดียวกัน





































