วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“ร้อนจัด-WFH”ดันยอดใช้ไฟพีคครั้งที่ 2 รอบปีนี้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ร้อนจัด-WFH”ดันยอดใช้ไฟพีคครั้งที่ 2 รอบปีนี้

อากาศร้อนจัด-มาตรการWFH ดันยอดใช้ไฟฟ้าพีคสุดในรอบปีนี้เป็นครั้งที่ 2 แตะ 30,936.5 เมกะวัตต์ คาดอุณหภูมิมีโอกาสสูงแตะ 41 องศา ระหว่าง 23-29 เม.ย. นี้

รายงานข่าวการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ระบุว่า ยอดการใช้ไฟพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบปีนี้ เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 20.49 น. โดยมียอดใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) 30,936.5 เมกะวัตต์  เนื่องจากสภาพอากาศร้อนสะสมต่อเนื่อง โดยพยากรณ์อากาศไทยคาดการณ์อุณหภูมิเฉลี่ยอาจแตะ 41 องศา ระหว่างวันที่ 23-29 เม.ย. นี้ 

โดยพีคไฟฟ้ารอบแรกของปี 2565  เกิดเมื่อวันที่ 26 เดือนมี.ค. ที่ผ่านมาเวลา 20.39 น. ยอดใช้ไฟฟ้ารวม 30,261.6 เมกะวัตต์ และเมื่อ 23 เม.ย. ได้เกิดพีคไฟฟ้ารอบสองขึ้นว ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับพีคไฟฟ้าของปี  64 ที่ผ่านมายอดใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปี  65 โดยแตะระดับ 31,023.1 เมกะวัตต์ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าล่าสุดวันที่ 25 เม.ย.  พบว่า ยอดใช้ไฟฟ้ายังคงทะลุ 3 หมื่นเมกะวัตต์ โดยอยู่ระดับ 30,909.8  เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 14.54 น.  ซึ่งหากตลอดสัปดาห์นี้อุณหภูมิยังสูงและร้อนต่อเนื่องอาจมีโอกาสเกิดพีคไฟฟ้าของปี  รอบที่ 3 ได้  ส่วนพีคไฟฟ้าระดับประเทศ ที่ทำสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 32,272.8 เมกะวัตต์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค.  62 เวลา 14.27 น.

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวว่า ยอดใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นไปตามสภาพอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่ามาตรการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าจากภาครัฐจะล้มเหลว เพียงแต่มีปัจจัยหลายด้านทำให้ยอดใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น ทั้งด้านอากาศร้อน และมาตรการ Work from home ที่ยังใช้กันอยู่บางหน่วยงาน 

ทั้งนี้การขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าในปีนี้ แตกต่างจากปีอื่นๆที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้มุ่งหวังที่การลดพีคไฟฟ้า แต่มุ่งหวังไปยังการลดใช้ไฟฟ้าเพื่อทำให้การใช้ก๊าซธรรมชาติลดลง จนส่งผลให้ยอดใช้ก๊าซฯผลิตไฟฟ้าพอดีกับจำนวนก๊าซฯที่ประเทศไทยผลิตได้เอง  ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ที่มีราคาแพง ซึ่งการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าในครั้งนี้จะเป็นมาตรการระยะยาวไปตลาดปี 2565 หรือจนกว่าก๊าซฯ จากแหล่งเอราวัณจะกลับมาผลิตได้เต็มศักยภาพที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปัจจุบันผลิตได้ประมาณ  399 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในช่วงเริ่มต้นการผลิตปิโตรเลียมด้วยระบบแบ่งปันผลผลิต(PSC) แทนระบบสัมปทาน

อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาครัฐยังไม่มีเครื่องมือตรวจวัดการลดใช้ไฟฟ้าของประชาชน ซึ่ง กกพ. กำลังหารือถึงแนวทางการทำเครื่องมือวัดผลการลดใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนได้เห็นอย่างชัดเจน พร้อมมาตรการขอความร่วมมือลดใช้ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นต่อไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img