โลกโซเชียลวิจารณ์หนัก นายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ที่พา “ยิ่งลักษณ์” หลบหนี กลับเข้ารับราชการอีกครั้งแบบเงียบๆ ในตำแหน่ง “รอง ผบก.ทท.1” หลังเคยถูกให้ออกจากราชการ ตั้งแต่ปี 60 และถูกสอบทางอาญาและวินัยร้ายแรง เผยภาพร่วมแถลงข่าวใหญ่หลายครั้ง ตั้งแต่ปลายปีก่อน คาดกลับเข้ารับราชการมานานกว่า 1 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกสังคมออนไลน์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ อดีตรองผบก.น.5 ที่ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาและถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่า พาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีการไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560
โดยมีรายงานว่า ขณะนี้พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ได้กลับเข้ารับราชการแล้วนานกว่า 1 ปี ในตำแหน่ง “รองผู้บังบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1” (รอง ผบก.ทท.1) ทั้งนี้ดูได้จาก การแถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2562 ที่ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ครั้งนั้น พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท., พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์, พล.ต.ต.อังกูล คล้ายคลึง รองผบช.ทท., พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 ร่วมกันแถลงข่าว จับกุมเครือข่ายชาวเกาหลีใต้ เปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ได้ผู้ต้องหา 3 คน ชาวเกาหลีใต้ พร้อมของกลาง สามารถจับกุมได้ที่ ห้องพักภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ กทม. โดยมีพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ในฐานะ รองผบก.ทท.1 เข้าร่วมการแถลงข่าวครั้งนั้นด้วย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 ยังปรากฏภาพ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ในฐานะ รอง ผบก.ทท.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมหนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่น ลักทรัพย์ผู้โดยสาร ในสนามบินสุวรรณภูมิ อีกด้วย
จากการตรวจสอบยังพบว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “อู๊ด” จบ นรต.40 ยังได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารงานตำรวจชั้นสูง (บตส.) รุ่นที่ 47 ซึ่งเพิ่งปิดการอบรมหลักสูตรไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2563 ที่ผ่านมานี่เอง โดยวันนั้น พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีปิดฯ นอกจากนี้ เมื่อไปตรวจสอบบนหน้าเฟซบุ๊ก Chairit Anurit ก็ปรากฏความเคลื่อนไหวของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ที่ยืนยันการเข้ารับการอบรมหลักสูตร บตส.รุ่นที่ 47 ว่าเป็นเรื่องจริง
บนหน้าเฟซบุ๊กของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ยังพบความเคลื่อนไหวไปกราบขอพรสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา และยังไปปฏิบัติธรรม และเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สาขาวิชา สันติศึกษา รวมทั้งการสวมเครื่องแบบตำรวจ สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ไปร่วมแสดงความยินดีกับตำรวจนายหนึ่งในพิธีประดับยศนายร้อยตำรวจตรีที่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ถูกสั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่เดือนต.ค. 2560 หลังก่อเหตุพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีในคืนวันที่ 23 ต่อเนื่องคืนวันที่ 24 ส.ค. 2560 หลังเกิดเหตุอื้อฉาวครั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. (ในขณะนั้น) เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวน จนสามารถพบหลักฐานสำคัญคือ รถโตโยต้า รุ่นมคัมรี สีบรอนซ์-เทา ที่ถูกลอกตราโล่ออก รวมถึงเส้นผมที่ตกอยู่ภายในรถ จากนั้นจึงมีการสั่งดำเนินคดีกับพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ทั้งทางวินัยและอาญา โดยในทางวินัย มีพล.ต.ต.ภานุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น. (ในขณะนั้น) ปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เป็นผู้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรง และพล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. (ในขณะนั้น) ปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้ดำเนินการทางอาญา ในฐานความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยมี สน.ปทุมวัน เป็นเจ้าของคดี โดยพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ขณะนั้น) มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2560 ต่อมาศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกหมายจับพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จากนั้นเรื่องนี้ก็เงียบหายไป จนกระทั่งปรากฏข่าวการกลับเข้ามารับราชการเป็น รองผบก.ทท.1 อีกครั้ง โดยหลายฝ่ายเชื่อกันว่า การสอบสวนทางวินัยร้ายแรง อาจไม่พบความผิด จึงให้กลับเข้ารับราชการได้ ส่วนในคดีอาญา กำลังมีการตรวจสอบว่ามีความคืบหน้าอย่างไร
