วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightพิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน “SME อ่วม” ต้นทุนสินค้าพุ่ง-กำลังซื้อหด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

พิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน “SME อ่วม” ต้นทุนสินค้าพุ่ง-กำลังซื้อหด

ดัชนีเชื่อมั่น SME มี.ค. ลดลง หลังต้นทุนวัตถุดิบ-สินค้า-ขนส่งพุ่งสวนทางกำลังซื้อชะลอรับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่อำนาจการปรับราคาสินค้าน้อย

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index: SMESI) ประจำเดือนมี.ค. 65 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่น SMESI อยู่ที่ระดับ 49.1 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.6 โดยองค์ประกอบของธุรกิจที่ส่งผลมากที่สุด คือ ต้นทุน กำไร การจ้างงาน คำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต/การค้า/บริการ การลงทุน และการลงทุน ซึ่งองค์ประกอบด้านต้นทุนยังมีค่าดัชนีที่ต่ำกว่าค่าฐาน 50 ค่อนข้างมาก

ขณะที่ความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 51.3 จากระดับ 52.7 ในเดือนก่อน แต่ยังอยู่สูงกว่าค่าฐานที่ 50 จากความไม่มั่นใจต่อกำลังซื้อในอนาคต ทำให้มีแนวโน้มลดปริมาณการผลิต การค้า การบริการลง รวมถึงคาดการณ์จะลดการลงทุนลง เพื่อปรับตัวรับสถานการณ์ราคาต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจ พบว่า ธุรกิจมีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงทุกภาคธุรกิจ ทั้งภาคการผลิต ภาคการค้า ภาคการบริการ และภาคการเกษตร ที่กำลังการเผชิญภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากค่าสินค้า วัตถุดิบ ค่าสาธารณูปโภค และค่าขนส่ง

“ดัชนีเชื่อมั่น SME ปรับตัวลดลงจากกำลังซื้อชะลอตัว และต้นทุนสูงขึ้นทั้งจากค่าวัตถุดิบ ค่าสินค้า และค่าขนส่ง เป็นผลกระทบทางอ้อมจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลต่อปริมาณการผลิตการค้า บริการ รวมถึงกำไรทางธุรกิจ ด้วยอำนาจในการปรับราคาสินค้าของ SME น้อย โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อย คาดภาวะต้นทุนยังส่งผลต่อเนื่อง แม้ภาครัฐให้ความสำคัญและช่วยดูแลราคาสินค้าในหลายหมวด แนะนำให้ผู้ประกอบการเฝ้าติดตามสถานการณ์ เพื่อวางแผนรับมือและปรับตัวให้เข้ากับลักษณะกิจการ”

ส่วนของผลดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของผู้ประกอบการ SME รายภูมิภาค เดือนมี.ค. 65 พบว่า เกือบทุกภูมิภาคดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลง แต่ยังมีภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและเกินกว่าค่าฐานที่ 50 ได้แก่ ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 51.3 จากระดับ 50.7 จากการปรับตัวดีขึ้นของแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ เช่น ภูเขา น้ำตก การล่องแพ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในประเทศ

ทั้งนี้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร ส่วนภาคใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 43.3 จากระดับ 42.1 จากการขยายตัวจากฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และการเปิดประเทศ อีกทั้งการปรับมาตรการ Test & Go ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว โรงแรม/ที่พัก และธุรกิจซ่อมบำรุง

สำหรับปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ดัชนี SMESI ในส่วนภูมิภาคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ด้านผู้บริโภคและกำลังซื้อ จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภาครัฐ การเปิดประเทศ อีกทั้งการปรับมาตรการ Test & Go ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลลบ ได้แก่ ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องในปัจจุบัน แม้ความรุนแรงของโรคจะไม่มากนัก แต่อัตราจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นและแพร่เชื้อได้เร็วเมื่อเทียบกับระลอกก่อนหน้า อีกทั้งด้านต้นทุนราคาสินค้าและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค อาจส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในอนาคต

“ขณะนี้ สสว. ได้มีการศึกษาเรื่อง Gig Economy เพื่อหาทางเลือกในการปรับตัวให้กับผู้ประกอบการเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานซึ่งการทำงานในรูปแบบ Gig workers น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งจะได้นำเสนอในโอกาสต่อไป”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img