นายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 65 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้ และพอใจ ตัวเลขนักท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศ 1 พ.ค. “ยัน”ยังไม่เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ จากธนาคารแห่งประเทศไทยทีได้แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ซึ่งภาวะเศรษฐกิจและการเงินลดลงจากก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในต่างประเทศ ทั้งภาคเอกชนและการลงทุนลดลงจากในสถานการณ์ปัจจุบันพอสมควร แต่ในส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้า และจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ถือเป็นแนวโน้มที่ดี จากวันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นมา มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ประชาชนเข้ามาวันละเป็นหมื่นราย คาดการณ์ว่าจะทำให้การบริโภคภายในประเทศดีขึ้น จากการท่องเที่ยว
สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 65 ปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ จากมูลค่าส่งออกของราคาสินค้า และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่สำหรับอัตราเงินเฟ้อ อาจจะเพิ้มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าตามราคาของพลังงาน ซึ่งอันนี้เราควบคุมไม่ได้ แต่จะหามาตรการดูแลอย่างไร ซึ่งวันนี้เรามี 10 มาตรการที่ออกไปแล้ว และจะติดตามสถานการณ์ทุก 1 เดือนว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ขณะนี้ทั้งกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลังได้รับไปดูแลแล้ว โดยมีรายงานว่า ปรับตัวดีขึ้น มีการผลิต การส่งออกมากขึ้น แต่โดยรวมยังมีความเปราะบางอยู่จาก 2 ปัญหาเดิมคือ สถานการณ์โควิด-19และสงคราม การประมาณการเศรษฐกิจเราคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไว้อยู่ประมาณ 3.5 จากเดิมคือคาดการณ์ไว้ที่ 4.0 แต่มีสถานการณ์สงคราม ความขัดแย้งเข้ามา ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอาจชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศที่ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ก็แก้กันต่อไป ทุกประเทศก็มีปัญหาเหมือนกันในเวลานี้ ตนคิดว่าหลายประเทศยิ่งกว่าเรา
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ 34.35 ต่อดอลล่าห์ ถือเป็นการอ่อนค่าลงร้อยละ 1.9 จากสัปดาห์ก่อน ถือเป็นผลดีกับการส่งออก โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร ตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 1667.44 ลดลงจากความกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์โควิด19 ในประเทศจีนยังรุนแรงอยู่ ประกอบสถานการณ์ความขัดแย้ง รัสเซีย- ยูเครน มีแนวโน้มยึดเยื้อ ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศ เช่นในสหรัฐอเมริกาขยายตัวลดลง ร้อยละ3.6 แต่ที่ยูโรโซนขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ5.0 ขณะที่ไต้หวันขยายตัวร้อยละ3.1
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างมันผูกพันกันไปหมด เพราะอยู่ห่วงโซ่เศรษฐกิจเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะกลุ่มไหน ภูมิภาคไหนมันยึดโยงไปทั้งหมด สินค้าเกษตรประจำสัปดาห์ที่ 4 ที่เพิ่มขึ้น ข้าวเปลือกเจ้านาปี ปาล์มทลาย สุกรขุนพันธุ์ผสมมากกว่า100 กิโลกรัม ไก่รุ่นพันธุ์เนื้อ ไข่สดคละ ราคาสูงขึ้น ก็ดีขึ้น แตะมีผลกระทบที่ภาคการผลิต วันนี้ให้แก้ปัญหาเรื่องอาหารสัตว์ เรื่องข้าวโพดก็ต้องรอฤดูกาลใหม่ แต่ช่วงนี้จะทำยังไงให้สินค้าไม่ขาด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขั้นต้นพอใจตัวเลขการท่องเที่ยว เพราะมีการประเมินว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้แย่ไปกว่านี้ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ประเทศไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวได้ประมาณครึ่งหนึ่งกว่าที่ผ่านมาคือ 20 ล้านคนจาก 40 ล้านคน และยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือค่าเหยียบแผ่นดินเลย จะต้องดูว่าความเหมาะสมว่าจะเก็บเมื่อไหร่ เพราะจะต้องนำเงินตรงนี้มาทำอย่างอื่นด้วย ส่วนจะเก็บเมื่อไหร่ค่อยไปว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ยังไม่มี
ส่วนจะมีนักเที่ยวเข้ามาได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้ามาปีนี้เท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าทำอย่างนี้ได้ ปีหน้าก็กลับมาได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งคนจะมาเที่ยวที่บ้านเราในช่วงไตรมาส 4 ก็ขอให้ช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน