นายกฯ ย้ำเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 เน้นดำเนินงานตามแผน เพื่อไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 5 พ.ค 65 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (VDO Conference) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์โควิด -19 เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า รวมทั้งการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง-ตะวันตก และภาคใต้) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลเพื่อทำให้ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตพร้อมเพรียงกันทุกภาค อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยพัฒนาฐานเศรษฐกิจในประเทศให้เจริญเติบโตและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคด้วย
ขณะเดียวกันต้องเร่งหารายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น ควบคู่กับการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศให้เพิ่มขึ้นและทำให้ทุกพื้นที่มีการเจริญเติบโตที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น จึงขอให้ทุกภาคส่วนทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ช่วยกันประสานงานขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องต่อไปตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานนำนโยบายแปลงไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้ได้ และให้มีการติดตามประเมินผลเพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบรรลุเป้าหมายตามแผนที่กำหนดไว้ โดยย้ำเรื่องใดที่ติดขัดอุปสรรค ข้อกฎหมาย หรือกติกาในพื้นที่ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาเพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษมีก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ
นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปหาแนวทางในการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ และตามแนวเส้นทางรถไฟต่าง ๆ มาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับประเทศ รวมไปถึงจะเป็นการกระจายความเจริญและกระจายคนจากเมืองใหญ่ไปสู่พื้นที่นอกเมืองและภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศด้วย
ทั้งนี้ ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ โดยให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่มีศักยภาพและสามารถดำเนินการได้ให้ดำเนินการก่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้ ขอให้มีการพัฒนาเตรียมแรงงานของประเทศและบริหารจัดการแรงงานทั้งในประเทศและแรงงานต่างประเทศให้เพียงพอ สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ และการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 4 ภาค รวมไปถึงให้เร่งส่งเสริมขับเคลื่อนให้เกิดวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ให้ได้ตามศักยภาพที่แต่ละพื้นที่มีอยู่ โดยการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม และมีการดูแลเรื่องที่พักที่ปลอดภัยให้กับแรงงานเพื่อให้คนกลับไปทำงานในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการกระจายความเจริญไปสู่พื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ เกิดการสร้างงาน อาชีพ และรายได้ในพื้นที่ให้กับแรงงานในประเทศอันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในที่สุด
นายกรัฐมนตรีย้ำว่าต้องมีการพัฒนาและใช้ศักยภาพแต่ละพื้นที่ให้เกิดประโยชน์รวมถึงการดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนและเกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของโลก โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการดำเนินการและคำนึงถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามนโยบายรัฐบาล พร้อมสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเข้มแข็ง และมีการพัฒนาด้านการตลาดที่ตอบสนองตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์เพื่อเพิ่มมูลค่าและจำหน่ายได้มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำการดำเนินงานต้องเป็นไปตามแผนและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ทางกายภาพ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) การพัฒนาตามแนวชายแดน รวมทั้งการลงทุนด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งต้องมีการวางแผนในระยะยาวสอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้อย่างยืดหยุ่น สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและสถานการณ์โลกได้ตลอดเวลา พร้อมกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจร่วมกัน และสร้างความร่วมมือระหว่างกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน โดยการดำเนินการต่าง ๆ ประชาชนต้องได้รับประโยชน์มากที่สุด ควบคู่ไปกับการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางดิจิทัลออนไลน์ การสร้างสร้างอาชีพ พัฒนาแรงงาน ในพื้นที่เศรษฐกิจของแต่ละภาค รวมทั้งแนวชายแดน พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน ปรับแก้ไขให้สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ