วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS'บิ๊กป้อม' ขยายเวลา ประกาศฉุกเฉินต่อ 3 เดือน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘บิ๊กป้อม’ ขยายเวลา ประกาศฉุกเฉินต่อ 3 เดือน

พล.อ.ประวิตร  ประชุม ติดตามสถานการณ์ 3 จชต. มีมติขยายเวลาประกาศฉุกเฉินต่อ 3 เดือน พร้อมขอบ คุณประชาชนให้ความร่วมมือ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ย้ำบังคับใช้กฎหมายเป็นธรรม  เข้มคดียาเสพติดในพื้นที่

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2563 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช.ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุม ได้รับทราบผลการปฏิบัติงาน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วงวันที่ 20 ก.ย.-12 พ.ย.63 ซึ่งภาพรวมมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุร้าย มีแนวโน้มลดลง อย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ได้รับการดูแล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งมีความเข้าใจในความจำเป็นของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยได้ให้การสนับสนุน และให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามจากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีสิ่งบอกเหตุ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในรูปแบบต่าง ๆ ในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก ทั้งนี้ ที่ประชุม ยังได้รับทราบเรื่องที่ กอ.รมน. ภาค4 จะดำเนินการ จัดทำแผน การปรับลดพื้นที่ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ/สังคม ในพื้นที่ 3 จชต. รวมถึงการส่งเสริม ให้มีการสร้างงาน  สร้างอาชีพ แก่พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ด้วย

คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ตามที่ กอ.รมน. ภาค 4  เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3 จชต.  ยกเว้น อ.แม่ลาน ,อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี  ,อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก ,อ.สุคิริน , อ.ศรีสาคร  จ.นราธิวาส  ออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่  20 ธ.ค.63 ถึงวันที่ 19 มี.ค. 64 (ครั้งที่ 62) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จชต.ให้มีความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร  ได้สั่งการ  กอ.รมน. และ สมช.ให้ร่วมกันจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่ควบคุม เพื่อเตรียมรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ/สังคม และส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับ การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จะต้องให้สอดคล้อง กับความต้องการของประชาชน อย่างแท้จริง และเน้นย้ำ สตช. และขอให้อัยการสูงสุด เร่งจัดตั้งสำนักงานคดีความมั่นคง ภาค9 และให้มีการบังคับใช้กม. อย่างเคร่งครัด เป็นธรรม รวดเร็ว เพื่อเป็นการป้องกัน/ป้องปราม ไม่ให้มีการก่อเหตุร้าย และ ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้เข้มงวดมาตรการป้องกันยาเสพติดในพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่มีความเข้าใจถึงความจำเป็นในการทำงานและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยดี พร้อมกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ทุ่มเท เสียสละ การปฏิบัติงานได้อย่างดียิ่ง ให้สามารถบรรลุภารกิจ และมีความปลอดภัย กันทุกคน.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img