ช่วงที่ “หมอปลา” กำลังห้าว พระหนุ่มเณรน้อยและชาวพุทธจำนวนมากตั้งคำถามในโซเซียลกันมากว่า “มส.” หรือ “มหาเถรสมาคม” อันเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์หายไปไหนกันหมด!!
เหตุไฉน?? ปล่อยให้ กลุ่มหมอปลา “ย่ำยี” พระภิกษุสงฆ์รูปแล้ว-รูปเล่า
“มส.” หายไปไหน!! โดยเฉพาะประธานฝ่ายปกครอง ซึ่งล่าสุด “มส.” แต่งตั้ง “สมเด็จพระพุฒาจารย์” เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ทำไมท่านปล่อยให้ “คณะสงฆ์ว้าเหว่และโดดเดี่ยว” ได้ขนาดนี้
หากกลัวภัย หรือไม่อยากทำงานตอนมหาเถรสมาคมมีมติแต่งตั้ง พระคุณเจ้าก็นั่งอยู่ที่ประชุมก็ “อย่ารับ”
เรื่องหมอปลา พระคุณเจ้าใช้ “พระคุณ” ไม่ได้ มันต้องใช้ “พระเดช” บ้าง
พระคุณเจ้าในฐานะประธานฝ่ายปกครอง ต้องกล้าและต้องทำงานรุกมากกว่านี้
สั่งการสิครับ..ทีมงานพระวินยาธิการ สั่งการสิครับ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ หาทีมสิครับ “ทนายความ”
เงินศาสนสมบัติกลาง เงินวัดช่วยวัด ออกมาใช้บ้างสิครับ มีไว้ทำไม!! ฝากไว้ให้ “นายธนาคาร” ล่ำซำอยู่ทำไม
“พระวินยาธิการ” มิใช่มีไว้แต่เพียง “จับพวกเดียวกัน” มันต้อง “เชิงรุก” บูรณาการกับฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง เช่น ตำรวจ ทหาร อำเภอด้วย
อย่านอนกระดิกเท้า “รอให้เขา” มานิมนต์รับสังฆทาน เสก สวด อย่างเดียว
อย่าคิดมีตำแหน่งไว้ แค่โก้ ๆ โดยที่ไม่ก้าวออกจากประตูวัด กรณีหมอปลาพบหลวงปู่แสง “พระวินยาธิการ” ประจำอำเภอ ประจำตำบล ที่ตั้งไว้ตำบลละ 2 รูปนั่น คิดดู “ผอ.สำนักงานพุทธจังหวัด-นายอำเภอ” เห็นหัวพวกท่านไหม เพราะอะไร??
ยุคนี้!! “อุทิศ ศิริวรรณ” บอกว่า “ชาวพุทธต้องรักกัน” ซึ่งเห็นด้วย พวกเราต้องรักกัน แต่อันไหน “ไม่ถูกต้อง” ต้องตักเดือนกระตุกสติแบบ “กัลยาณมิตร” ได้
มิใช่มี “หน้าที่” แล้วปล่อยให้ “คณะสงฆ์” ถูกดูแคลน ย่ำยี ด้อยค่า…แบบนี้ ปล่อยให้ฆราวาสออกมาปกป้องพุทธศาสนา แต่ “พระคุณเจ้า” เล่นเสวยสุขอยู่ฝ่ายเดียว แบบนี้ถือว่า “เห็นแก่ตัว” ไปหน่อยไหมพระคุณเจ้า!!
ความจริง “มส.” แต่งตั้งให้ “สมเด็จพระพุฒาจารย์” เป็นประธานฝ่ายปกครอง ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรก แต่งตั้งไว้ให้ดูแลการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาเมื่อปี 2559 แล้ว
ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ไม่รู้มีผลงานปรากฎอะไรออกมาบ้าง ใครรู้ขอความกรุณาช่วยบอกหน่อย??
“มส.” อย่าเก่งแต่ออกมติ “กระชับอำนาจ” เล่นงานแต่พวกเดียวกันเองอยู่เลย..มันต้องเชิงรุกมากกว่านี้
บทเรียนจากหมอปลา “สมเด็จพระพุฒาจารย์” ในฐานะดูแลการปกครองต้อง “ถอดบทเรียน” เพื่อสร้างกำแพงทำรั้วให้คณะสงฆ์ ให้วัด ได้แล้ว หาทีมคิด หาทีมทำครับ
นี่แค่หมอปลาคนเดียว ซึ่งไม่มีอำนาจ ไม่มีตำแหน่งอะไร นอกจากผลิตสื่อโซเซียลและมีพวกสื่ออยู่ในมือ
วงการสงฆ์ “รวนปั่นป่วน” ได้ขนาดนี้ เด็กก็มองออกว่าองค์กรสงฆ์ “อ่อนแอปวกเปียก” ยิ่งกว่ามะเขือเผา
ลองคิดดู หากพระพุทธศาสนาเจอภัยที่ใหญ่กว่านี้ “มหาเถรสมาคม” จะรับมืออย่างไร
บทเรียนจาก “หมอปลา” พระคุณเจ้าเห็นหรือยังว่า ภัยพระพุทธศาสนา ภัยคณะสงฆ์…เกิดขึ้นได้ไม่ยาก หากมีคนคิด “จะมาทำลาย” หรือคิดจะด้อยค่า “คณะสงฆ์” ด้อยค่า “พระพุทธศาสนา”
และที่ “หมอปลา” พังคราวนี้ มิได้เกิดจากน้ำยา “มหาเถรสมาคม” หรือคนของสำนักงานพระพุทธศาสนาที่ไปร่วมอยู่ในวงกับเขาด้วย แต่เพราะหมอปลาแพ้ภัยตัวเอง มีประชาชนที่รักพระพุทธศาสนา รักหลวงปู่แสง และรักความเป็นธรรม ออกมาร่วมปกป้อง “จับผิด” ต่างหาก เรื่องมันจึง “แดง” ชาวพุทธ “ตาสว่าง” กันทั้งแผ่นดิน
และยิ่งไปกว่านั้น หากหลวงปู่แสงมิใช่พระสายธรรมยุต มิใช่สายพระวิปัสสนา มิใช่พระชราที่มีอายุเกือบ 100 ปี เกิดเป็น “พระสมเด็จ” รูปใดรูปหนึ่ง เชื่อเถอะ!! ไม่เกิดพลังได้ขนาดนี้ บรรลัยไปทั้งยวง
คณะสงฆ์ต้องเข้าใจว่า “ปรากฎการณ์หมอปลา” มีคนจำนวนมากเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำเนื่องจาก “สะใจ” ตอบสนอง “ความต้องการ” ของชาวบ้านแบบ “ฟันต่อฟัน ตาต่อตา” ได้
คำพูดที่ว่า “เราทำดีไม่จำเป็นต้องกลัว” ใช้ไม่ได้แล้วสมัยนี้ เห็นไหมกลุ่มหมอปลา “สร้างคลิปขึ้นมา” ไปร่วมมือกันทั้งทนายความ ทั้งสื่อมวลชน ทั้งยูทูบเบอร์ จับสึกพระภิกษุที่เป็น “ลูกหลาน” เป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นส่วนหนึ่งในการค้ำบัลลังก์ให้มีองค์มหาเถรสมาคมคงอยู่ พวกท่านในฐานะเปรียบเสมือน “พ่อและพี่” มีความรู้สึกบ้างไหม!!
ทั้ง ๆ ที่บางรูปต้องอาบัติแค่ “ปาจิตตีย์” เช่น กินข้าวเย็น กินเหล้า ปลงอาบัติก็หายแล้ว ทำไมโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่ออกมาอธิบาย ชี้แจงอรรถาธิบาย ทำความเข้าใจกับสังคมบ้าง
ทำไม “มส.” ไม่สั่งการให้เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ส่ง พระวินยาธิการ หรือ ฝ่ายปกครอง ไวยาวัจกร ทนายความเข้าไปดูแลท่านเหล่านี้
ยิ่งตอนหมอปลากำลังไล่ล่าพระสงฆ์ “สังฆมณฑลปั่นป่วนวุ่นวาย” เห็นมหาเถรสมาคมบางรูป รับนิมนต์ไปเป็นประธานบ้างปลุกเสกบ้าง ไปนั่งปลุกเสกท้าวเวสสุวรรณบ้าง “อนาถใจแท้” คงลืมคำสั่งเจ้าคณะหนใหญ่เมื่อปี 2560 กันหมดแล้ว ตอนนั้นมีพระไปร่วมปลุกเสกบางรูปถูกจับสึกด้วย
อย่า!! เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า – ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองครับพระคุณเจ้า..
……………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย….“เปรียญสิบ” : [email protected]