“สุพัฒนพงษ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมกบน. 30 พ.ค.นี้ ประเมินสถานการณ์น้ำมันดีเซลหลังราคาตลาดโลกผันผวน คาดจ่อขยับขึ้นราคา หลังกองทุนน้ำมันฯ อ่วมติดลบ 8 หมื่นล้าน
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานเป็นประธานวันที่ 30 พ.ค. นี้จะหารือเกี่ยวกับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทยรายสัปดาห์ว่าจะยังคงราคาไว้ที่ลิตรละไม่เกิน 32 บาทต่ออีกสัปดาห์หรือจะปรับขึ้นอีกลิตรละ 1-2 บาทเป็นลิตรละ 33-34 บาทหรือไม่ จากกำหนดเพดานไว้ไม่เกินลิตรละ35 บาท เพื่อลดค่าใช้จ่ายของกองทุนน้ำมัน
นอกจากนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าครม. ได้อนุมัติลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 100% รอบที่ 2 หลังจากรอบแรก ด้วยการลดภาษีดีเซล 3 บาท 2 เดือนลงลิตรละ 5 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.65 ถึงวันที่ 20 ก.ค.65 จากปัจจุบันมีอัตราที่ลิตรละ 5.99 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ราคาขายปลีกจะไม่ลดลงทันที
ดังนั้นรัฐต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนให้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดหนี้สูงมาก คาดว่าสิ้นพ.ค.นี้เป็น 80,000 ล้านบาท เนื่องจากใช้เงินเดือนละกว่า 20,000 ล้านบาท จึงเป็นไปได้สูงที่สัปดาห์หน้าจะเห็นการขยับขึ้นราคาดีเซลลิตรละ 33 บาท
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านราคาน้ำมันอยู่ระดับลิตรละ 41-42 บาท ดังนั้นหากปล่อยให้กองทุนน้ำมันติดลบไปถึง 100,000 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะถือเป็นหนี้ของประเทศ
นอกจากนี้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) อยู่ระหว่างหารือในเรื่องของการช่วยเหลือด้านราคาอื่นๆ เช่น การปรับส่วนผสมไบโอดีเซล (B100) ลง 2-3% ซึ่งต้องหารือกับทุกฝ่ายก่อน
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 22 พ.ค. ติดลบ 76,291 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 41,419 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 34,872 ล้านบาท โดยมีกระแสเงินสดรวม 13,669 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารที่ 2,556 ล้านบาท และบัญชีเงินฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง 14,133 ล้านบาท