ความขัดแย้งทางความคิดเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะขัดแย้งอย่างไรจึงจะพัฒนาไปในเชิงสร้างสรรค์ อันนั้นแหละทั้ง 3 ท่านและพวกเราในฐานะประชาชนผู้เสพข่าวจะต้องร่วมกันตกผนึก
สังคมใด ๆ ไม่มีความขัดแย้ง สังคมนั้นก็เหมือนกับ “ซากศพ” ว่างเปล่า
ความจริงทั้ง 3 ท่านเป็นชาวพุทธที่มีคุณภาพทั้งหลวงพี่น้ำฝน ก็สร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมมาก แม้โดยหลักท่านอาจจะเดินสวนกับความเป็นพระบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับ “น่าเกียจ”
ส่วนนายสุวิทย์ หรือพุทธอิสระ ท่านเป็นคนตรง แม่นหลักการ จริงใจ คิดอย่างไร พูดอย่างนั่น ยอมหักไม่ยอมงอ และหลายเรื่องที่ท่านสื่อออกไป หากเราคิดแบบคนไม่มีอคติ บางเรื่อง “มีประโยชน์”
ส่วนไพรวัลย์ เป็นคนมีภูมิความรู้ จริงใจ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น เป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็น อยากตบคณะสงฆ์ให้เข้ารูปเข้ารอย เดินตามหลัก “พระธรรมวินัย”
ชาวพุทธเราทั้งพระภิกษุและฆราวาสจำต้องยึดหลักให้มั่นว่าหน้าที่ของพระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้มีอยู่ 2 ประการเท่านั้น ดังพระพุทธดำรัสที่ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธุระของพระภิกษุในพระธรรมวินัยของเรามี 2 ประการเท่านั้น คือ 1.คันถะธุระ คือ การศึกษาเล่าเรียน 2.วิปัสสนาธุระ คือ การปฎิบัติธรรมเพื่อชำระกิเลสให้เบาบางลง”
สิ่งใด ๆ ที่พระภิกษุในพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำนอกจากนี้ ถือว่ามิใช่ธุระหรือหน้าที่ของพระภิกษุในพระธรรมวินัย
แม้บุคคลนั้นจะเป็น “สมเด็จพระราชาคณะ” ก็ตาม
ชาวพุทธเราเองก็ต้องพยายามอย่าหลงไหลกับสิ่งนอกพระธรรมวินัยกันมากโดยเฉพาะ “เดรัจฉานวิชา” เรื่องวัตถุมงคล เรื่อง พุทธพาณิชย์ ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเงินทองไปสนับสนุนให้พระภิกษุหรือกลุ่มพุทธพาณิชย์ร่ำรวย พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ใครอื่นนอกจากนี้ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งของเราได้..”
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดถึง เมื่อวานนี้ที่จังหวัดสุพรรณบุรี “สถานีโทรทัศน์ดีดีทีวี” และองค์กรชาวพุทธไปร่วมกันจัดงานรายละเอียดจำไม่ได้ เนื่องจากกำลังเดินทางจังหวัดภาคเหนือ มีคนส่งลิงค์ยุทูปมาให้ฟัง ในขณะขับรถเปิดฟังเสียงเหน่อ ๆ ของเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีพูดถึงภัยจากต่างศาสนาและการใช้โซเซียลของพระภิกษุแล้ว “เข้าท่า” พระคุณเจ้ารู้เรื่องความเป็นไปในสังคมค่อนข้างดี คณะสงฆ์ไทยเริ่ม “ตื่นตัว” กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
โดยเฉพาะ “ภัยจากต่างศาสนา” เดียวนี้มีการสร้างหลักฐานเท็จบ้าง จัดคนปลอมเป็นพระภิกษุบ้าง โพสต์รูปต่าง ๆ ที่ทำให้พระพุทธศาสนาเราถูก “ด้อยค่า” บ้าง เท่าที่ฟังกระท่อนกระแท่นพระคุณเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ดี
แปลว่าคณะสงฆ์เริ่ม “ตื่นตัว” กันแล้ว คณะสงฆ์เริ่ม “ตาสว่าง” กันบ้างแล้ว เริ่มรู้แล้วว่า มันมีขบวนการทำลายพระพุทธศาสนาเหล่านี้จริง!! ซ้ำท่านก็ฝากถึงพระภิกษุสามเณรเรื่องการโพสต์รูป เรื่องนุ่งห่มจีวรให้เหมาะสมกับความเป็น “สมณเพศ”
ไม่ต้องคิดไกลขนาดหมอปลา คนพุทธแท้ ๆ ยังทำกับ หลวงปู่แสง ได้เลย แล้วหากคนต่างศาสนาจะจัดฉากบ้าง ทำไมจะทำไม่ได้!!
ดีใจ!! พระสงฆ์ไทยเราเริ่มตาสว่างกันแล้ว
………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย..“เปรียญสิบ” : [email protected]