คงไม่มีใครอยากเชื่อ ยังไม่ทัน 3 เดือน เพียงแค่เวลา 68 วัน จะเกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ เกิดขึ้นที่ “พรรคเศรษฐกิจไทย” (ศท.) ซึ่งมี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รับบทแม่ทัพใหญ่ คอยถือหางเสือ มีพี่ใหญ่แห่ง 3 ป. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คอยให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผย
แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง หลัง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรค ศท. ท่ามกลางข้อสงสัยจากหลายฝ่าย แท้จริงสาเหตุและปัจจัยมาจากเรื่องอะไรแน่ ยิ่งทั้งสองเป็นศิษย์เก่า นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) และ โรงเรียนนายร้อยจปร. เหมือนกัน เพียงแต่ต่างรุ่น-ต่างวัย “ผู้กองคนดัง” จบ ตท.25 และ จปร.36 ส่วน “บิ๊กน้อย” มีดีกรีผ่าน ตท.11 และ จปร.22 แต่การเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีปัจจัยหลายประการ แม้บุคคลทั้งสองจะมีคนที่ให้ความเคารพนับถือ เหมือนกันคือ “พล.อ.ประวิตร” เหมือนกัน
“พล.อ.วิชญ์” ให้สัมภาษณ์ภายหลังกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จำนวน 15 คน ยื่นหนังสือลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการปรับโครงสร้างพรรคใหม่ว่า ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ศท. และกราบขออภัยพี่น้องประชาชน พี่น้องร่วมอุดมการณ์ และผู้ที่อยากเห็นประเทศไทยพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีและ ปรองดองสร้างสรรค์ ไม่มีความขัดแย้ง นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าและยึดประชาชน ประเทศชาติเป็นหลัก
“ลำพังผมคนเดียว ไม่อาจปกป้องความสุขของประชาชนได้ตามที่ผมคิดหวัง และตั้งใจ โดยเฉพาะจุดที่ผมยืนอยู่นั้น ทำตามสิ่งที่ตั้งใจได้ยากลำบากในความคิดเห็นของผม ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ทำงานร่วมกัน ทุกฝ่ายไร้ขัดแย้ง ไร้แบ่งแยกให้ประชาชนตัดสินใจร่วมกัน ผมขอขอบพระคุณท่านสมาชิกพรรคฝ่ายที่สนับสนุนและให้กำลังใจผมมาตลอด” พล.อ.วิชญ์กล่าว
ใครได้อ่านฟังคำชี้แจง “บิ๊กน้อย” แล้ว คงตีความไปว่า การเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองน้องใหม่ คงต้องเผชิญปัญหาและอุปสรรคบางอย่าง ทั้งๆ ที่มีเป้าหมายต้องการ สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น หวังเห็นบ้านเมืองเกิดความสงบสุข
ขณะที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรค ศท. กล่าวถึงกรณี “พล.อ.วิชญ์” ลาออกจากหัวหน้าพรรค ศท.ว่า ก่อนหน้านี้พาพี่น้องทั้ง 18 ชีวิตออกมาจากพรรค พปชร. และรับปากว่าจะดูแลพวกเขาในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง การกลับเข้าเป็นส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้นทุกคนจึงฝากความหวังและอนาคตทางการเมืองไว้กับตน กก.บห.ที่ผ่านมาคือชุดเฉพาะกิจ
ผู้กองคนดัง กล่าวอีกว่า จากนี้เราจะทำให้พรรคมีจุดขายที่ชัดเจน และมีจุดยืนเพื่อพี่น้องประชาชน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะอยู่ต่างประเทศ และเป็น เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ส.ส.หลายคนไม่สบายใจ จึงตัดสินใจลาออก และส่วนตัวก็เคารพการตัดสินใจของทั้ง 15 คน ซึ่งไม่ได้ลาออกด้วย
ทั้งนี้ ได้เรียก 18 ส.ส.ประชุมแล้ว จากนั้นวันที่ 7 มิ.ย. จะประชุม เลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค นายทะเบียนพรรค และ เหรัญญิกพรรค
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พร้อมทำทุกหน้าที่ แต่ขึ้นอยู่ว่า กก.บห.จะเห็นสมควร
เมื่อถามว่า พล.อ.วิชญ์มีความไม่สบายใจ เพราะไม่ได้รับความสำคัญภายในพรรค ศท. ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่พล.อ.วิชญ์อาจไม่คุ้นเคยกับการเมือง เพราะชีวิตอยู่แต่ในกรม ในกอง ในสังคมการเมือง ไม่สามารถใช้ระบบทหารมาปกครองนักการเมืองได้ ตรงนี้เป็นสาระสำคัญมากจึงทำ
มีรายงานข่าวว่า ความจริงแล้ว “บิ๊กน้อย” ไม่ต้องการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่เนื่องจาก กก.บห.สาย “ร.อ.ธรรมนัส” จำนวน 15 คนลาออก เพื่อต้องการเปิดทางให้มีการเลือกผู้บริหารพรรคชุดใหม่ แต่เป้าหมายแท้จริง ต้องการกดดัน “พล.อ.วิชญ์” ให้พ้นจากตำแห่งหัวหน้าพรรค และผลักดัน “ร.อ.ธรรมนัส” ขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญแทน
ด้าน “บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ศท. และ อดีตนายทะเบียนพรรค ศท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความขัดแย้งภายในพรรค ศท.ว่า มีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกันภายในพรรค ที่มองว่าเป็นปัญหาค่อนข้างรุนแรง ระหว่าง หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรค เมื่อกก.บห. ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้หารือร่วมกันว่า หากปล่อยให้เกิดความขัดแย้งส่วนบุคคล ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ใหญ่ของพรรคเนิ่นนานไปจะทำให้ พรรคเสียหาย และ บอบช้ำ
จึงเป็นที่มาที่ กก.บห. 15 คน จาก 22 คน ยื่นหนังสื่อลาออกจาก กก.บห. เพื่อให้สถานะของกก.บห.ทั้งหมดสิ้นสภาพลงตามข้อบังคับพรรค จากนั้นทางพรรคจะต้องจัดประชุมใหญ่ภายใน 45 วัน เพื่อเลือก กก.บห.ชุดใหม่
มีรายงานข่าวแจ้งว่า จริงๆ ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง “บิ๊กน้อย” กับ “ผู้กองคนดัง” ไม่ได้เกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะในที่สุด ถ้า “พล.อ.ประวิตร” สั่งการมาอย่างไร “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ต้องปฏิบัติตามคำขออยู่ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับ “เงินช่วยเหลือการทำกิจกรรมพรรคศท.” ของผู้มีจิตศรัทธาหลายราย
ซึ่งผ่านการรับรู้ของแกนนำพรรคบางคน แต่เงินบางส่วนเกิดหายไป ทำให้สมาชิกพรรค ศท. ไม่พอใจ พยายามสืบสาวราวเรื่อง เพื่อหาข้อเท็จจริง แต่ทั้งหลายทั้งปวงจะเกี่ยวข้องกับ “บิ๊กน้อย” หรือไม่ คงยากที่จะหาคำตอบ เนื่องจากอดีตหัวหน้าพรรค ศท. ได้พ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองน้องใหม่ไปแล้ว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้สมาชิกพรรคศท.ไม่พอใจมาก เพราะใครมีส่วนเกี่ยวข้อง ถือเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อตรงต่อพรรค
อีกทั้งในอนาคตจะมีสมาชิกพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมงานกับพรรคศท. อีก หากการบริหารงานในพรรคเกิดปัญหาไม่โปร่งใส อาจทำให้ไม่มีใคร อยากมารวมกิจกรรมกับพรรคการเมืองน้องใหม่ ที่มี “ร.อ.ธรรมนัส” ดูแลอยู่
ขณะที่ “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม (ทธ.) ระบุว่า กลุ่มพรรคเล็กประมาณ 20 คน จะนัดรับประทานอาหารกับร.อ.ธรรมนัส เพื่อกำหนดทิศทางการเมือง หลังจากที่ร.อ.ธรรมนัสเดินทางกลับจากประเทศสิงคโปร์แล้ว โดยจะหารือทั้งสถานการณ์การเมือง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทิศทางการเมืองของพรรคเล็กหลังจากนี้
หัวหน้าพรรค ทธ. กล่าวอีกว่า อาจเป็นไปได้ที่พรรคเล็กอาจไปรวมพรรคอื่น จุดหลักอาจเป็นพรรคของร.อ.ธรรมนัส เพราะมีความสนิทสนมกัน ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเล็กได้รับการทาบทามให้ไปอยู่กับร.อ.ธรรมนัสมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ถือเป็นเอกสิทธิ์แต่ละพรรคในการตัดสินใจ โดยในส่วนพรรค ทธ. คงต้องพิจารณาหลายปัจจัย โดยเฉพาะการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้ร่าง (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ใช้ 100 หาร แต่อาจพลิกไปใช้ 500 หารได้ หากเป็น 100 คนหาร ต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่
จากนี่ต้องรอลุ้นว่า ปมขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพรรค ศท. จะมีเรื่องราวบางส่วนถูกเปิดเผยออกมา ให้สังคมได้รับรู้หรือไม่ แต่ก็กลายเป็นบทเรียน ที่ทำให้ใครนึกถึงประโยคที่ว่า “คนเราบางทีมองหน้าไม่รู้ใจ”
……………………………..
คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก
โดย..“แมวสีขาว”