“ไชยา” อัดรัฐบาลวางแผนใช้งบซื้ออาวุธกว่า 4.5 แสนล้านล้านบาท ช่วง 10 ปี เตรียมสอบใช้งบกลางเอื้อการเมือง ด้าน “รังสิมา” แฉอนุกมธ.ถกงบฯเหมือนห้องเชือดมีตบทรัพย์ แนะไลฟ์สดให้ปชช.ดูทุกห้อง เบรกขรก.ไม่ต้องกลัวส.ส.ตัดงบถ้าไม่ได้ฮั้ว
วันที่ 1 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา มีการประชุมสสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ต่อมาไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย อภิปรายด้วยว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จัดทำงบประมาณที่สร้างภาระให้ประชาชน โดยเฉพาะแผนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ กว่า 4.5 แสนล้านล้านบาท ในระยะ 10 ปี นอกจากนั้นยังพบการจัดสรรงบบูรณาการ ที่ไม่เหมาะสมและไม่สามารถวัดความสำเร็จในแต่ละโครงการ ทำให้การทำงานบูรณาการเป็นเพียงคำพูด ขาดการบูรณาการที่แท้จริง ซึ่งเป็นการซ่อนเงื่อนงบประมาณ งบลงทุนที่แท้จริงมีเพียง 15.46% ต่ำกว่าเป็นจริง ทั้งที่ควรให้เพิ่ม เพื่อเกิดการสร้างงาน กระตุ้นการใช้จ่ายเงิน ในระบบเศรษฐกิจ การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงในสถานกาณ์ปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะประมาณการรายได้จากภาษี 2.49 ล้านล้านบาท แต่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา การจัดเก็บไม่ตรงเป้าหมาย ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินเพื่อชดเชยรายจ่ายยที่สูงกว่ารายรับ สร้างภาระงบประมาณที่ต้องตั้งจ่ายคืนรายการชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย ซึ่งมีผลต่อการทำงบประมาณในปีต่อไป ทำให้หนี้สาธารณะสะสมสูงขึ้นทุกปี ทั้งนี้ในปี 2566 ไม่พบการตั้งเงินเพื่อใช้หนี้ แต่หากรัฐบาลขาดเงินสดในมือ และจัดเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า เชื่อว่าจะใช้วิธีกู้เงินอีก 5 หมื่นล้านบาท”นายไชยา อภิปราย
นายไชยา กล่าวว่าสำหรับงบกลาง ที่ผ่านมาพบว่ามีความผิดปกติ ตรวจสอบไม่ได้ อีกทั้งเหมือนกับใช้เพื่อการเมือง ทั้งนี้ตนฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาฯ ได้รับเรื่องตรวจสอบว่าใช้งบกลางไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทั้งที่ควรจัดสรรให้เป็นงบปกติของกระทรวง คือ กระทรวง อว. เบื้องต้นพบว่า มีกระบวนการศึกษาจากการหาผลประโยชน์ ตนรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบ สมัยก่อนคนหาเช้ากินค่ำ แต่ปัจจุบัน หาเช้ากินไม่ถึงค่ำ ดังนั้นการใช้งบเพื่อประโยชน์สูงสุดและเข้าถึงความเดือดร้อนประชาชน มีทางเดียว คือ เลือกเปลี่ยนรัฐบาลง่ายที่สุด เพราะตนและประชาชนทนไม่ได้กับความยากลำบากกับรัฐบาลปัจจุบันหมดเวลาของรัฐบาลลุงตู่แล้ว
ต่อมา น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้สภาเน้นเรื่องการเบิกจ่าย โดยเฉพาะการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ควรห้ามเบิกอาหารซ้ำซ้อน หากเบิกทุกคณะจะสูญเสียงบประมาณจำนวนมาก นอกจากนี้ อยากเสนอให้การพิจารณางบในแต่ละปี ในส่วนของการพิจารณาในห้องคณะอนุกมธ. มีการไลฟ์สดให้พี่น้องประชาชนได้เห็นด้วย เพราะตนมองว่าคณะอนุกมธ. เป็นคณะที่ตบทรัพย์เป็นห้องเชือด ประชาชนจะไม่เห็นวิธีการ วานนี้ (31 พ.ค.) ก็มีการขึ้นศาลเป็นคดีความกัน และขอฝากไปถึงข้าราชการที่มาชี้แจง ว่าไม่ต้องกลัวส.ส. ไม่ต้องกลัวถูกตัดงบ ถ้าท่านไม่ได้ฮั้ว ไม่มีผลประโยชน์กับโครงการต่างๆ