นายกฯ ยืนยันรัฐบาลดูแลค่าพลังงานให้กระทบปชช.น้อยที่สุด พร้อมรักษาเสถียรภาพไม่ให้ขาดแคลน-รักษาสมดุลการใช้เงิน
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 65 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงว่า การประชุมได้มีการรายงานปัญหาเหตุติดขัดในการดำเนินการ และปรับรูปแบบการใช้พลังงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน เพื่อที่จะใช้แหล่งพลังงานอื่นมาทดแทน ในกรณีที่ค่าก๊าซและน้ำมันนั้นแพงขึ้น ซึ่งทุกคนทราบดีว่า ปัญหาราคาน้ำมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย เกิดทุกประเทศทั้งโลก ในปัจจุบัน หลายกลุ่มหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หลัก 3 ประการที่สำคัญคือปัจจัยพลังงานที่แพงขึ้นต้องศึกษาทำความเข้าใจว่ามาจากปัจจัยที่ใด มาจากปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน เกิดขึ้นทั่วโลกหรือไม่ ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว เพราะฉะนั้นตนยืนยันว่าทุกประเทศที่มีการนำเข้าต้นทุนพลังงานจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยมีพลังงานอยู่เท่าใด ทั้งทางบกทางทะเล ซึ่งก็พยายามจะหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม เพื่อทดแทนและแก้ไขปัญหานี้ในอนาคตอย่างยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันจะต้องดูแลความมั่นคงด้านเสถียรภาพ พลังงานไม่ให้เกิดการขาดแคลน ไม่ให้เกิดการขยายตัว การประกอบการ ธุรกิจ เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้จะต้องมีการดูแลค่าพลังงาน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนที่มากเกินไป ขอให้ทุกคนเข้าใจโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม ซึ่งมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนในวงกว้าง โดยหากเทียบราคาน้ำมันของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านไทยยังอยู่ในลำดับที่ 7 หรือ 8 จาก 10 ประเทศของอาเซียน และเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอื่นก็ได้ว่า ว่าราคามากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องดูแลให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางด้วยมาตรการต่างๆ ผ่านมาตรการใดบ้างเช่นมาตรการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือเป็นรายกิจกรรม รายผู้ประกอบการ และจะต้องรักษาสมดุลในการใช้เงิน เพื่อช่วยเหลือประคับประคองพลังงาน และการเติบโตเศรษฐกิจเศรษฐภาพทางการเงินการคลัง ให้เติบโตให้ได้ในอนาคต เพราะหากเป็นภาระมากเกินไปในวันหน้าทุกอย่างก็จะย้อนกลับมาอีก เพราะฉะนั้นต้องเดินด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด
“สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อยืนยันว่ารัฐบาลทำในวันนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกใจบ้างถูกใจบ้างแต่ก็ต้องรับฟัง ซึ่งจากผลการจัดลำดับความน่าเชื่อถือของไทยจากบริษัทฟิทช์ เรตติ้ง (Fitch) ยังคงอันดับความน่าเชื่อมั่น ในเสถียรภาพทางการเงินการคลัง ของประเทศไทยที่ BBB+ หรือในระดับสูง ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และวิกฤตทางพลังงาน แสดงว่าเราดำเนินการมาได้ดีพอสม และยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุดในทุกเรื่อง”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงาน ดำเนินการมาถูกทางแล้วหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “จ๊ะ”