นายกฯได้รับรายงาน มี “ขรก.” เข้าไปเอี่ยวนำเข้าแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย สั่งกำชับให้ตรวจสอบและกวาดล้างผู้กระทำผิด หวั่นมีการร้องเรียนกลั่นแกล้ง มอบ “มท.-แรงงาน” ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวชั่วคราว แก้ปัญหา “นายจ้างลอยแพ” วอนโซเชียลหยุดขยายความขัดแย้ง ย้อนถาม “คนไทยหรือเปล่า”
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อพ.ศ. 2558 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยขั้นตอนต่อไป จะต้องให้ “คณะกรรมการกฤษฎีกา” พิจารณาตรวจแก้ไข จากนั้นจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะบรรจุทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ เพราะเหลือเพียง 2 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้กฎหมายดังกล่าวไม่จำเป็นต้องออกเป็น พ.ร.ก. และไม่ใช่กฎหมายปฎิรูป จึงไม่ต้องรีบดำเนินการ เพราะมีกฎหมายเดิมควบคุมดูแลได้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาแต่ละพื้นที่ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” สามารถตัดสินใจ และบริหารจัดการได้เอง
เมื่อถามถึงการปราบปรามแรงงานข้ามชาติ ที่ลักลอบเข้ามาผิดกฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านระบบวีดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับให้ตรวจตราอย่างเข้มข้น
“นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานเบื้องต้น ว่ามีเจ้าหน้าที่ ตำรวจ พลเรือน อาสาสมัคร นายจ้าง นายหน้า เกี่ยวข้องกับขบวนการแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย จึงกำชับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและกวาดล้างผู้กระทำความผิด พร้อมเชื่อว่ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ยังต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน เพราะอาจเป็นการร้องเรียนเพื่อกลั่นแกล้งกัน” นายวิษณุ กล่าว
วันเดียวกัน ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า เท่าที่ได้รับรายงานในขณะนี้ทราบว่าสถิติการติดเชื้อใหม่รายวันเริ่มลดลง เนื่องจากมีการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่มากขึ้น ส่วนใดที่เป็นอุปสรรคปัญหา ตนได้มอบหมายทุกหน่วยงานไปแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือหากวิเคราะห์สาเหตุขั้นต้นมาจากแรงงานต่างด้าว ซึ่งหากถูกกฎหมายอยู่ในประเทศไทยมานานไม่มีปัญหา เว้นแต่ผู้ที่ลักลอบ จึงต้องขจัดขบวนการลักลอบให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ตนมีความกังวลกับแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและมีการหลบเลี่ยง จากผู้ที่เห็นแก่ตัวที่จ้างงานโดยไม่จ่ายค่าแรงตามกำหนดและมีขบวนการนำส่งแรงงานกลุ่มนี้เข้ามา วันนี้จึงกำลังรื้อทั้งหมดให้ติดตามขบวนเหล่านี้
“สิ่งที่กังวลเรื่องเดียว ขณะนี้คือมีบางโรงงานหรือหลายโรงงาน ใช้แรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมายเอาไปปล่อยในพื้นที่อื่นๆ หรือลาออกจากงาน เมื่อเช้าผมก็ได้สั่งการ ศบค. ให้หามาตรการตรงนี้มาว่าจะทำยังไง โดยให้แนวทางไปว่า ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดู เหมือนสมัยที่เราขึ้นทะเบียนแรงงานสมัยก่อนมีวิธีการขึ้นทะเบียนชั่วคราวไปก่อนบัตรสีชมพู ก็กำลังดำเนินการตรงนี้ เพราะถ้าเราไปดำเนินการอย่างเข้มข้นมากเกินไปก็มีการเอาแรงงานนี้ไปปล่อยที่อื่น ขณะนี้จึงหากำลังหามาตรการเหล่านี้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือระหว่างกัน โดยในการประชุม ศบค. ในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ก็จะได้ข้อยุติว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปในส่วนของมาตรการในช่วงนี้ รวมถึงในช่วงปีใหม่ และจะกำหนดพื้นที่ทั้งหมดว่าจะดำเนินการในพื้นที่ตรงไหนอย่างไร แบ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดมากและแพร่ระบาดน้อย พื้นที่ความเสี่ยงมากหรือความเสี่ยงน้อย โดยจะกำหนดพื้นที่ทุกจังหวัด ให้เป็นสีต่างๆ สีเขียว สีส้ม และ สีแดง เพื่อมีมาตรการเฉพาะลงไปว่าทำอย่างไรได้บ้าง เราต้องเตรียมการไว้เช่นนี้ จึงขอแจ้งเตือนให้ทุกคนได้รับทราบว่าเราอาจจะต้องลำบากและเสียสละ เพราะถ้าเราแก้ปัญหานี้ไม่ได้ในช่วงนี้ มันก็คือปัญหาต่อไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในเรื่องการนำเสนอข่าว ขอให้รับฟังข้อมูลจาก ศบค. อย่าเอาข้อมูลจากที่อื่นที่ไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องหรือพิสูจน์ไม่ได้ไปเผยแพร่ เพราะจะทำให้เกิดความตื่นตระหนก และสร้างความรับรู้ไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่าตอนนี้เป็นการระบาดแบบรู้ที่มา และเรามีมาตรการเฉพาะต่างๆ รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุขที่ครบถ้วนทุกอย่าง ยังสามารถรับมือได้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นก็จะกลายไปสู่ประเทศไทยกลับมาระบาดร้ายแรงอีก ทำให้เราขาดความเชื่อมั่นในด้านสาธารณสุขไทย ย้ำว่าเราทำมากกว่าหลายประเทศ ดังนั้นต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนอะไรที่พูดจาออกมาโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริง บางครั้งก็ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งตนรับฟังทุกส่วน แต่ต้องแยกแยะว่า เรื่องใดเป็นข้อมูลจริงหรือเท็จ
“ขอร้องบรรดาผู้ที่ชอบออกมาทางโซเชียล เอาข้อมูลเท็จข้อมูลอะไรออกไปทั้งหมด แพร่ระบาดไปแล้วโน่นนี่ มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับประเทศไทยของเรา คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาไม่ใช่ปกปิด แต่ต้องเอาข้อมูลที่แท้จริงบางทีไปเขียนอะไรที่ไม่มีความรู้ ผมก็ไม่โทษเพียงแต่ขอร้องและให้ทุกคนมองว่าประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน แล้วเราจะอยู่กันยังไงต่อไปถ้าจะอยู่อยากให้ดีขึ้นก็ต้องช่วยกัน สิ่งดีๆ เยอะแยะไป อย่าไปขยายความขัดแย้งกันมากนัก”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว