ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัด”ประชุมโรคเอดส์ฯ”ชูประเด็นลดติดเชื้อจากแม่สู่ลูก

ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมบอร์ดบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่51 ธ.ค.นี้ “อนุทิน” เสนอเชียงรายเป็นพื้นที่จัดงาน ชูประเด็นลดการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกซึ่งไทยประสบความสำเร็จหลายประเทศสนใจบินร่วมศึกษาดูงาน

วันที่ 24 มิ.ย. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมการประชุม คณะกรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS Programme Coordinating Board: PCB) ครั้งที่ 50 พร้อมกับทำหน้าที่ประธานในการประชุมฯ เป็นวันที่ 3 ณ สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO)  นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

โดยการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดประชุม UNAIDS PCB ครั้งที่ 51 ที่ประเทศไทย ซึ่งประเทศสมาชิก องค์กรไม่แสวงหากำไร(NGO) ซึ่งเป็นสมาชิก และหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน (Co-Sponsor) ต่างให้การสนับสนุนอย่างมากเนื่องจากเห็นว่าจะเป็นโอกาสที่ประเทศต่างๆ จะได้เรียนรู้ความสำเร็จของประเทศไทยในการป้องกันการติดเชื้อการติดเชื้อ HIV การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ การดำเนินการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาอย่างครอบคลุม  

“การประชุมครั้งที่ 51 ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจะมีขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค. 2565 เบื้องต้นรองนายกรัฐมนตรีจะเสนอให้จัดงานที่เชียงราย ซึ่งอยู่ในภาคเหนือและมีภูมิทัศน์ที่สวยงามในช่วงฤดูหนาว เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้เชิญประเทศสมาชิก NGO และ Co-Sponsor ทุกคนเข้าร่วมการประชุมที่ประเทศไทยด้วยตนเองเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสานต่อวาระสำคัญเรื่องโรคเอดส์และมาสัมผัสบรรยากาศภูมิประเทศที่สวยงามของจังหวัดเชียงรายซึ่งจะเป็นการโปรโมทพื้นที่ท่องเที่ยวของไทยไปพร้อมกัน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในโอกาสนี้นอกจากประเทศไทยจะได้ขับเคลื่อนประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นในวาระที่ประเทศไทยเป็นประธาน UNAIDS PCB ปี 2565 การประชุมครั้งที่ 51 ไทยจะผลักดันให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญของการยุติการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกและการดูแลให้เข้าถึงการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและการรักษาโรคเอดส์ภายใต้หลักประกันสุขภาพ การผสมผสานงานการป้องกัน และการดูแลรักษาที่ครอบคลุม ให้เข้าถึงอย่างเท่าเทียม รวมทั้งการไม่เลือกปฏิบัติและการลดการตีตราจะเป็นกลไกสำคัญที่ลดปัญหาภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขโลกและการลดทอนศักยภาพของประเทศจากปัญหาผู้ติดเชื้อ ได้