หน้าแรกHighlightตำรวจสาวไส้กันเอง-ปชช.ได้ประโยชน์ แนะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ

ตำรวจสาวไส้กันเอง-ปชช.ได้ประโยชน์ แนะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เทพไท” กระซวกซ้ำ “ตร.สาวไส้กันเอง ปชช.ได้ประโยชน์” เหตุคนไทยต่างเชื่อว่า “ตร.” กับ “ส่วย” เป็นของคู่กัน เหมือน “ไก่กินข้าวเปลือก-แมวกินปลาทู” ชม “กมธ.ความมั่นคงฯ” ชุด “รังสิมันต์ โรม” กล้าหาญ ถือเป็นโอกาสดีเดินหน้าจัดการ “แก๊งสแกมเมอร์” อย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.68 นายเทพไท เสนพงศ์ นักวิเคราะห์การเมืองอิสระ และอดีตสส.นครศรีธรรมราช แสดงความเห็นเรื่อง “ตำรวจสาวไส้กันเอง ประชาชนได้ประโยชน์” มีรายละเอียดว่า…“ผมได้ติดตามการประชุมของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานคณะกรรมาธิการ และได้เชิญบุคคลสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ถ้อยคำ และมาชี้แจงกรณีที่มีการเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ มีการรับส่วย มีการเปิดเว็บพนันออนไลน์ โอนเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นบุคคลระดับสูง มีการถกเถียงกัน มีการตอบโต้ เกิดวิวาทะระหว่างตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือตัวแทนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง และพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นอดีตตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แล้วก็มีคุณพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน เข้ามาเป็นพยานด้วย

การประชุมเป็นไปด้วยความเข้มข้น ตอบโต้กันไปมาอย่างถึงพริกถึงขิง แสดงให้เห็นว่า ตำรวจทั้ง 2 ฝ่าย “มีแผล” เหมือนกัน อยู่ที่ใครจะนำ “แผล” ของฝ่ายใดมาขยายผลได้มากกว่ากัน ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายอย่างปฏิเสธไม่ได้

แต่ในทางกลับกันประชาชนคนไทย ก็จะได้รับรู้ความเน่าเฟะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีมานานแต่ไม่มีใครออกมาเปิดโปงในลักษณะเช่นนี้ เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกมา สาดโคลนหรือเปิดโปง ฉีกหน้ากากของกันและกัน ประชาชนก็จะได้ประโยชน์ ประชาชนก็จะได้รู้ธาตุแท้ของตำรวจบางคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า มีการเก็บส่วย มีการส่งส่วย มีผลประโยชน์มากมาย ซึ่ง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมายที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด มีผลประโยชน์ ใกล้ชิดกับผลประโยชน์มากที่สุด เป็นกระบวนการยุติธรรม “ต้นน้ำ” ซึ่งเป็นวิกฤติของกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผย และตีแผ่ข้อเท็จจริง เหมือนกับกรณีสำนักสำนักงานตำรวจแห่งชาติในตอนนี้ เพราะมีการขัดผลประโยชน์กัน ระหว่างข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่แต่ละฝ่าย ซึ่งแต่ละคนก็มีทีเด็ด มีข้อมูลออกมาแฉกัน ซึ่งประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เชื่อว่า “ตำรวจไทย” กับ “ส่วย” เป็นของคู่กัน ไม่ต่างอะไรกับไก่กินข้าวเปลือก แมวกินปลาทู หรือหมาที่ชอบกินอุจจาระคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของตำรวจไปแล้ว

ส่วนกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ที่ไม่กล้าพูดถึง เพราะเกรงจะถูกข้อหาละเมิด ตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาลยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ล้วนแล้วแต่เสื่อมศรัทธาจากประชาชนทั้งสิ้น คนที่พูดเรื่องนี้เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะเสียไปมากกว่านี้ ก็คือ “น.ช.ชวลิต ทองด้วง” หรือ “แป้งนาโหนด” นักโทษหนีคุก ได้ออกมาแฉความอัปยศของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์ตามลำดับ ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมน่าจะนำไปขบคิด และรัฐบาลก็ควรจะนำไปเป็นสารตั้งต้น ในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ วันนี้เริ่มต้นจากการเปลือยองค์กร “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” แล้ว ก็ควรไปสังคายนา “สำนักงานอัยการสูงสุด-ศาลยุติธรรม” และ “กรมราชทัณฑ์” ด้วย

ผมเห็นว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ และกิจการชายแดน สภาผู้แทนราษฎร ไม่ควรจะหยุดการสืบสวนเรื่องนี้ไว้เพียงแค่นี้ ไม่ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นการทำเกินหน้าที่ไปบ้าง หรือเป็นการดำเนินการเหมือนกระบวนการยุติธรรมก็ตาม แต่เมื่อสังคมไทยละเลย ไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดการเรื่องในลักษณะเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นความกล้าหาญของประธานกรรมาธิการ นายรังสิมันต์ โรม จึงให้กำลังใจ และเป็นโอกาสดีที่สังคมสนใจ เรียกร้องให้มีการปราบแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง และองค์กรที่มีส่วนได้เสียกับแก๊งสแกมเมอร์มากที่สุด คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้ความจริงปรากฏต่อสังคมไทย”

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisement -spot_imgspot_img

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img