โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ พอใจไทยได้โควต้าส่งแรงงานทำงานรัฐอิสราเอลเพิ่มขึ้นจากมาตรการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล ทักษะและความรับผิดชอบของแรงงานไทย สร้างความต้องการจ้างงานสูงขึ้นคนไทยมีงานทำเพิ่ม
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีต่อความก้าวหน้าในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในภาคเกษตรของรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย – อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand – Israel Cooperation on the Placement of Workers: TIC) ซึ่งในปี 2565 ไทยได้จัดส่งแรงงานแล้วทั้งสิ้น 3,759 คน โดยนายกรัฐมนตรีให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและอำนวยความสะดวก พร้อมหาแนวทางขยายตลาด เสริมสร้างทักษะที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยในตลาดโลก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 ประเทศไทยได้รับโควต้าจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในภาคเกษตรของรัฐอิสราเอล จำนวน 6,800 คน เพิ่มขึ้น 1,800 คน จากปีงบประมาณ 2564 ที่ได้โควตาทั้งหมด 5,000 คน ทั้งนี้ เนื่องจากชื่อเสียงไทยมีมาตรการบริหารจัดการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่ดี รวมถึงแรงงานไทยมีทักษะและความรับผิดชอบ เป็นที่ต้องการของนายจ้างในรัฐอิสราเอล ทำให้มีความต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ แรงงานไทยจะได้รับการอบรมคนหางานก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ และจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,300 เชคเกล หรือประมาณ 54,852 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ซึ่งหากทำงานจนครบสัญญาจ้างงานสูงสุด 5 ปี 3 เดือน จะมีรายได้มากกว่า 3 ล้านบาทต่อคน
“นายกฯ ย้ำความสำคัญของภาคแรงงานซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ และนำรายได้จากต่างประเทศเข้ามาในระบบเศรษฐกิจไทย โดยชื่นชมทุกหน่วยงานที่ได้ดำเนินตามแนวนโยบาย ที่รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยในทุกมิติ เพื่อสร้างความพร้อมต่อการทำงานในศตวรรษที่ 21 และเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้แรงงานไทยที่ไปทำงานยังรัฐอิสราเอลทำงานด้วยความตั้งใจ ขยันขันแข็ง ปฏิบัติตามสัญญาจ้างและกฎหมายของรัฐอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และนำความรู้ประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาพัฒนาประเทศ และตนเองต่อไป” นายธนกร กล่าว