“ศักดิ์สยาม” ลั่นไม่เกี่ยวที่ดินเขากระโดง ระบุรอศาลชี้ขาด ยอมรับขายหุ้นหจก.บุรีเจริญให้เพื่อนจริง ตั้งแต่ปี 61 แจงเหตุไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเกิดก่อนเป็นรมต. ยันปมขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวจะทำอะไรก็ได้ ปัดงบลงบุรีรัมย์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ไม่ได้สั่งการ
วันที่ 20 ก.ค.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไวจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันที่สอง จากนั้นเวลา 11.45 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีปัญหาข้อพิพาทที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เลื่อนมาจากวันที่ 19 ก.ค. ว่า เป็นประเด็นที่เคยหยิบยกมาอภิปรายแล้วหลายครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ของกรมที่ดินและรฟท. ยืนยันไม่เคยแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวงคมนาคม โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายมาตลอด กำชับให้รฟท. ต้องทำทุกอย่างภายใต้หลักกฎหมาย และหลักธรรมาภิบาล ด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ตามขั้นตอนกฎหมาย และในฐานะที่รฟท.เป็นหน่วยงานของรัฐ การที่จะให้รฟท. ไปฟ้องร้องประชาชนที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยชอบจากหน่วยงานรัฐ ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อประชาชน แต่สิ่งที่รฟท. ต้องดำเนินการคือต้องพิสูจน์สิทธิ์ รฟท.เชื่อว่าการออกเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดินมีความคลาดเคลื่อน ทำให้ขณะนี้ทางรฟท.ได้มีคำร้องไปที่ศาลปกครองเพื่อให้มีกระบวนการวินิจฉัยเรื่องนี้
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องฟ้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินทั้งแปลงได้ จะทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว และรัดกุม ไม่ให้ที่ดินส่วนหนึ่งส่วนใดตกหล่น และกระบวนการมีเพียง 2 ศาล คือ ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ตนคิดว่าเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ขอให้ทุกท่านพึงระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจก้าวล่วงหรือละเมิดอำนาจศาล ซึ่งคิดว่าท่านต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่อภิปรายพาดพิงนายชัย ชิดชอบ บิดาของตน ไม่เคยไปเช่าที่ดิน ซึ่งเป็นคนละแปลงกับที่ดินเลขที่ 3466 ของการรถไฟ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการถ่วงเวลาในที่ดินของนายเอตามที่กล่าวหา โดยรฟท.ดำเนินการทุกขั้นตอน คือต้องมีการสืบทรัพย์สินของนายเอ มีการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งรฟท. ต้องรอ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมบังคับคดี ไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติกับใคร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการขายหุ้นหจก.บุรีเจริญ ว่ามีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเป็นการซื้อขายปลอม เพื่อให้ตนได้ประโยชน์ในโครงการของกระทรวงคมนาคม ยอมรับมีการซื้อขายกันจริงกับนายศุภวัฒน์เพื่อนของตน ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.61 มีการโอนเงินเสร็จเรียบร้อย มีหลักฐานยืนยันจากธนาคาร โดยมีการโอนเงิน 3 ครั้ง คือ วันที่ 2 ส.ค.60 วันที่ 5 ก.ย.60 และครั้งสุดท้ายวันที่ 5 ม.ค.61 รวม 119 ล้านบาท ซึ่งมีการดำเนินการซื้อขายจริง และมีการจัดการเรื่องการเปลี่ยนหนังสือรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.61 แต่ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญ อีกเลย ดังนั้น หจก.บุรีเจริญ จะไปดำเนินกิจกรรมหรือธุรกรรมอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับตน
“ทำไมการซื้อขายหุ้นไม่ยื่นหลักฐานไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้านั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ กรณีเดียวที่ต้องยื่นคือการเพิ่มทุนจดใหม่ นอกจากนั้นไม่ต้องยื่น ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.61 ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจกับ หจก.บุรีเจริญ แต่อย่างใด ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของผมว่าจะนำไปใช้อะไร ส่วนที่ไม่มีการรายงานเป็นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะกิจกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้าสู่ตำแหน่ง คือก่อนวันที่ 5 พ.ค.62 ซึ่งยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหจก. บ. ส่วนโครงการต่างๆของกระทรวงคมนาคมผมยืนยันว่าไม่มีการฮั้วประมูล ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่ง ได้ให้นโยบายกับข้าราชการให้ปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลักธรรมาภิบาล และต้องรับฟังความเห็นของประชาชน ดังนั้นการฮั้วประมูลจึงเป็นไปไม่ได้ ส่วนการกล่าวหาว่ากระทรวงคมนาคม จัดงบกรมทางหลวงชนบทไป จ.บุรีรัมย์ มากผิดปกตินั้น ในการจัดทำงบประมาณย้อนหลังไป 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557 – 2566 จะเห็นว่ากระทรวงคมนาคมของบประมาณมากทุกปี แต่จะได้รับการจัดสรรไม่เกิน 1 ใน 3 ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องการสั่งการว่างบต้องไปลงตรงไหน และถ้าเปรียบเทียบย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา จ.บุรีรัมย์ไม่ได้มีงบมากกว่าหากเทียบเคียงจังหวัดอื่น ส่วนงบประมาณที่สูงขึ้นในช่วงท้ายๆ เพราะในอดีต จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงได้รับการจัดสรรน้อย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ พัฒนาโดยภาคเอกชนก่อให้เกิดการสร้างงาน การท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงต้องสร้างระบบคมนาคมไปรองรับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งไม่มีการกระจุกตัวแต่อย่างใด”นายศักดิ์สยาม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์สยามก่อนที่จะจบการชี้แจง ได้ฝากเรียนเชิญนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถ้ามีเวลาไปที่กระทรวงคมนาคมจะได้หารือกัน ดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนอภิปราย เพราะประชาชนฟังทั้งประเทศ ถ้าได้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์จะทำให้เกิดความเสียหายกับหลายส่วน เพราะสิ่งที่กล่าวหานั้นไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ทำให้นายสุรเชษฐ์ สวนเเบบทันควันว่า หลายประเด็นที่นายศักดิ์สยามพยายามชี้เเจงฟังไม่ขึ้น