“ประเสริฐ” ชำแหละ “บิ๊กตู่” ถลุงงบกลางแจกพวกพ้อง ปล่อยคนใกล้ชิดหากินกับอว. แฉหมกเม็ดจับอบรมโครงการหาเงินทอน
วันที่ 21 ก.ค.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันที่สาม ภายใต้ยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ต่อมาเวลา 14.26 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นคราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายนายกรัฐมนตรี กรณีการใช้งบกลางไม่โปร่งใสของนายกฯว่า สิ่งที่นายกฯที่บอกว่า พรรคฝ่ายค้านมีแต่นั่งร้านแต่ไม่มีหัว เพราะหัวขาดไปแล้วนั้น ขอชี้แจงว่า ฝ่ายค้านมีหัว คือนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่เหมือนท่าน มีหัว แต่ไม่มีสมอง โดยพฤติกรรมใช้จ่ายงบกลาง ไม่โปร่งใสของนายกฯคือ การเสนองบกลาง 2,051 ล้านบาท เข้าครม.อนุมัติ ในวันที่ 20เม.ย.65
โดยใช้กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้ดำเนินการภายใต้โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมและสมุนไพร ไม่สนใจข้อทักท้วงของสำนักงบประมาณว่า มีความซ้ำซ้อนกับงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีการกระจายโครงการไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ4แห่ง ได้แก่ 1.มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 717ล้านบาท 2.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 368ล้านบาท 3.มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 560ล้านบาท 4.มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 408 ล้านบาท มีบุคคลที่เกี่ยวข้องทุจริต 4 กลุ่มคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ และครม.ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ในการอนุมัติงบฯ 2,051ล้านบาท ในวันเดียวให้ตกอยู่ในมือคนทุจริต มีเงินทอน 1,600ล้านบาท เกิดขึ้น 2.นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษาฯ 3.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ประสานงานโครงการ มักไปปรากฏตัวในการอบรมโครงการ 4.ผู้บริหารมหาวิทยาลัย 4คน ทุกอย่างทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ
นายประเสริฐกล่าวว่า ขอยกตัวอย่างการทุจริตที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ตั้งงบไว้ 368ล้านบาท จัดอบรม 37,000คน แบ่งเป็นรุ่นๆละ 1,000คน อบรม 2วันต่อรุ่น มีความผิดปกติ เช่น ค่าวิทยากรบรรยายที่ต้องอบรม 2วัน แต่อบรมจริงแค่ 1วัน ค่าวิทยากรปฏิบัติที่ต้องอบรม 2วัน 12ชั่วโมง แต่อบรมจริง 4ชั่วโมง ค่าอาหาร 4มื้อ ได้รับจริง 1มื้อ ค่าเอกสารที่ต้องแจกทุกคน แต่ไม่มีแจก แต่เบิกงบไป3.7ล้านบาท ค่าเช่าที่พักที่ไม่มีการพักจริง แต่เบิกเงิน 18.5ล้านบาท ทราบว่ามีการซื้อรีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้สถานที่อบรม เพื่อออกเอกสารรับรองเท็จ
โดยเก็บบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านประชาชนไปสร้างเอกสารเบิกเงิน และค่าสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้ผู้เข้าอบรมก็ไม่มีให้ แต่เบิกงบไป 259ล้านบาท โดยผู้เข้าอบรมได้เงินคนละ 400บาท กับข้าว 1มื้อ รวมแล้วมีการทุจริตถึง 357ล้านบาท จากวงเงิน 368ล้านบาท เงินไปเข้ากระเป๋าใคร อ้างสถานการณ์โควิดบังหน้า เพื่อจัดอบรม แต่การอบรมกลับไม่มีอะไรเกี่ยวกับโควิด มีแต่การปลูกเห็ด และไม่ใช่ภารกิจหลักของกระทรวงอุดมศึกษา ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว หลังจากนี้จะยื่นเรื่องให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบ และจะยื่นเรื่องใปให้ป.ป.ช.ตรวจสอบควบคู่ไปด้วย
