”จุลพันธ์”อัดรัฐบาลบริหารประเทศด้วยความคิดเห็นส่วนตัว ทำให้ประเทศเสียเปรีบบ โดนกดดันทั้งสองด้าน ความร่วมมือชะงัก ทวงถามประเทศไทยควรเดินอย่างไรต่อไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้ได้มากที่สุด
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.68 นายจุลพันธ์อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า การบริหารประเทศต้องตั้งอยู่บนหลักคิดและการประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน ไม่ใช่การตอบสนองด้วยอารมณ์หรือคำพูดที่ขาดการชั่งน้ำหนัก เพราะถ้อยคำของผู้นำ ไม่ได้สะท้อนแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่สะท้อนท่าทีของประเทศไทยทั้งประเทศต่อประชาคมโลก
เหตุการณ์ล่าสุดทำให้เห็นว่า การสื่อสารที่ขาดความรอบคอบ หรือการใช้ถ้อยคำที่อาจตีความได้หลากหลาย สามารถส่งผลกระทบในระดับการทูตและเศรษฐกิจได้ทันที ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ประเทศไทยควรจะอยู่ในจุดที่มีหลักฐานรองรับ และสามารถยืนยันต่อเวทีนานาชาติว่าเหตุการณ์การละเมิดเริ่มต้นจากฝ่ายกัมพูชา แต่การส่งสัญญาณที่คลาดเคลื่อนกลับทำให้ประเทศต้องเผชิญความกดดันจากหลายทิศทาง แม้เรามีพื้นฐานที่น่าจะใช้สร้างความได้เปรียบได้ดีกว่านี้
ประเทศไทยมีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ ประมาณ 3 ล้านล้านบาทต่อปี ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงสถิติในเอกสารราชการ แต่สะท้อนถึงรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนหลายสิบล้านคน การสื่อสารทางการเมืองที่เชื่อมโยงประเด็นเศรษฐกิจกับความมั่นคงโดยไม่ประเมินผลกระทบให้รอบด้าน จึงอาจทำให้ความร่วมมือสำคัญหลายด้านชะงักงัน รวมถึงมาตรการปราบปรามเครือข่ายคอลเซนเตอร์ ซึ่งกระทบกับประชาชนโดยตรง
ในอดีต ประเทศไทยเคยใช้ทั้งความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี และการทูตเชิงรุก เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกับนานาประเทศบนพื้นฐานของข้อมูลและหลักฐาน ทำให้เราสามารถรักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในสถานการณ์ครั้งนี้ ประเทศของเรากลับไม่ได้ใช้กลไกเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ ข้อมูลของไทยถูกสื่อสารออกไปไม่ทันกับการตีความของนานาชาติ และทำให้เราตกอยู่ในสถานะที่ประนีประนอมได้ยากกว่าเดิม
วันนี้ ไทยจึงอยู่ในจุดที่ “ถูกกดดันทั้งสองด้าน” ทั้งจากประเทศคู่กรณีและจากประเทศที่เป็นคู่ความร่วมมือสำคัญ ทั้งที่เราสามารถบริหารจัดการให้ดีกว่านี้ได้ หากการประสานงาน การสื่อสาร และการดำเนินกลยุทธ์ทางการทูตถูกวางอย่างเป็นระบบและมีความแม่นยำมากกว่านี้
ผมจึงอยากชวนให้สังคมไทยร่วมกันพิจารณาอย่างใจเย็นว่า เมื่อผลลัพธ์ของการบริหารครั้งนี้นำพาให้เราสูญเสียความได้เปรียบและต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก ประเทศไทยควรเดินอย่างไรต่อไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้ได้มากที่สุด






































