เห็นสถิติตัวเลขการระบาดของโควิดในรอบสอง ส่อเค้าจะสาหัสยิ่งกว่ารอบแรก 2-3 เท่าตัว
เพราะดูจากกราฟย้อนหลัง พบว่าการระบาดในรอบสองพบ “ผู้ติดเชื้อใหม่” เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 สูงถึง 576 คน ทิ้งห่างยอดสูงสุดของรอบแรกเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ซึ่งอยู่ที่ 188 คน
ในรอบแรก พบรูปแบบการระบาดรวม 5 ระลอก โดยเริ่มพบผู้ติดเชื้อในประเทศครั้งแรก 4 คน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม จากนั้นก็พุ่งสูงถึง 188 คน ในวันที่ 22 มีนาคม ก่อนจะค่อย ๆ ลดจำนวนลงจนเหลือ 0 รายในวันที่ 13 พฤษภาคม รวมระยะเวลาระบาดทั้งสิ้น 69 วัน
หากนำสถิติของการระบาดในรอบแรกมาวิเคราะห์การระบาดรอบสอง เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เมื่อสาวไทยที่ข้ามไปหากินที่บ่อน วันจีวัน ลักลอบข้ามแดนพร้อมกับนำโควิดเข้ามาแพร่ภายในประเทศ ทำให้วันที่ 30 พฤศจิกายน ตรวจพบผู้ติดเชื้อ 21 คน ระหว่างที่สาธารณสุขไล่หาผู้แพร่เชื้อในกลุ่มสาวไทยอยู่นั้น
ปรากฏว่า แรงงานเถื่อนชาวเมียนมา ได้แพร่เชื้อที่ตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร ก่อนจะลามไปทั่วประเทศ ทำให้มียอดติดเชื้อสูงสุดในระลอกแรกเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม อยู่ที่ 576 ราย จากนั้นค่อย ๆ ลดลงมาเหลือ 46 คน ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกระลอก โดยพบผู้ติดเชื้อ 250 คนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม
เมื่อนำตัวเลขมาเปรียบเทียบกัน จะพบว่า รอบสองมีรูปแบบการระบาดรุนแรงกว่ารอบแรกประมาณ 2 เท่าครึ่ง และรับมือได้ยากกว่า เพราะเชื้อโควิดเล็ดรอดเข้ามากับ แรงงานเถื่อน แล้วแพร่ไปตามตลาดสด จึงควบคุมยากกว่ารอบแรก ที่แพร่มาทางเครื่องบิน นักท่องเที่ยว ซึ่งติดตามตัวได้ง่ายกว่า
หากรัฐบาลยังไม่จัดการ ขบวนการขนแรงงานเถื่อน ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ปล่อยให้ชายแดนมี “รูรั่ว” การป้องกันโควิดที่ปลายทางจะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และอาจนำไปสู่การสั่งปิดประเทศ 3 เดือนตามฝ่ายแพทย์เริ่มร้องขอ
คราวก่อนระบาด 69 วัน รัฐบาลสั่งปิดประเทศ 1 เดือน เศรษฐกิจวอดวายเป็นล้านล้านบาท คราวนี้ติดเชื้อมากกว่า 2 เท่าครึ่ง ถ้าต้องปิดเมือง 3 เดือน บ้านเมืองและผู้คนจะเป็นไปอย่างไร มึนตึบคิดไม่ออกจริง ๆ
#ดินสอโดม