“กรณ์” แฉข้อมูลธุรกรรมผิดปกติในตลาดทุน เชื่อมโยงรายชื่อ scammer ที่สหรัฐขึ้นบัญชี พร้อมย้ำหลักฐานชัดเข้าเกณฑ์ฟอกเงินตามกฎหมายไทย หน่วยงานรัฐ “อยู่เฉยไม่ได้แล้ว”. ชี้บางธุรกรรมเกี่ยวพันอดีตผู้มีตำแหน่งและผู้มีอิทธิพลการเมือง หนุนรัฐเร่งกวาดทุนเทา–รักษาความศักดิ์สิทธิ์ตลาดทุนไทยก่อนถูกต่างชาติจัดการแทน.
เมื่อวันที่ 17 พ.ย.68 นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรมว.คลัง โพสต์ข้อความระบุว่า “วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ปล่อยคลิปรายละเอียดหลักฐานธุรกรรมในตลาดทุนไทย ที่มีความเกี่ยวโยงกับรายชื่อผู้ที่ทางการสหรัฐอเมริกาได้ระบุว่าเป็นเครือข่าย scammer ข้ามชาติ
ที่ผ่านมามีการกล่าวหาไปมา แต่ยังไม่มีหน่วยงานไทยเข้ามาตรวจสอบอย่างเป็นทางการ เพราะอ้างว่า ‘ไม่มีหลักฐานในมือเพียงพอ’ ที่เข้าเกณฑ์ฐานความผิดตามกฎหมาย
วันนี้ที่พรรคเสนอคือ (1) หลักฐานการซื้อขายหุ้นหลายตัวที่มีความผิดปกติอย่างมาก (2) เชื่อมโยงกับกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และ (3) เกี่ยวพันกับผู้ที่อยู่ในรายชื่อ scammer อย่างชัดเจน เพื่อช่วยนำให้รัฐบาล และ หน่วยงานภาครัฐ โดยเราเชื่อว่า หลักฐานเพียงพอแล้ว เข้าเกณฑ์กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ทุกหน่วยงาน ”มีอำนาจ“ และ “มีหน้าที่” ที่จะดำเนินการต่อไปได้ เพื่อเป้าหมายร่วมกัน คือ ปราบสแกมเมอร์ ตัดเส้นทางการเงินของทุนเทา ซึ่งเป็นภัยคุกคามชาติ และ รักษาศักดิ์ศรีของตลาดทุนและตลาดเงินไทยไปด้วยกัน
และเมื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเหล่านี้ปรากฏอยู่บนรายชื่อ scammer ของสหรัฐ ฝ่ายกำกับไทยจะไม่ดำเนินการใดๆไม่ได้ เพราะเมื่อกฎหมายนี้ผลบังคับใช้ สหรัฐจะดำเนินการแน่นอน
ส่วนเมื่อบุคคลเหล่านี้เกี่ยวโยงกับอดีตผู้มีตำแหน่ง ในรัฐบาล (มากกว่าหนึ่งคน) และมีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองสำคัญถึงสองพรรค ยิ่งเป็นเหตุให้ต้องเอาจริงในการเร่งหาข้อเท็จจริง และช่วยกำจัดอำนาจเทาเหล่านี้ออกจากแวดวงเศรษฐกิจและการเมืองไทย
เรื่องทุจริตเป็นต้นตอเกือบทุกปัญหาของคนไทยวันนี้ ตั้งแต่การหลอกโกงเงินคนไทย การแข่งขันที่ทุนสะอาดต้องแข่งกับทุนเทาโดยไม่มีวันสู้ได้ ไปจนถึงการฟอกเงินสกปรกผ่านการใช้ซื้ออำนาจทางการเมือง และเมื่อมีอำนาจการเมืองเป็นพวก ก็จะได้รับการคุ้มครองรวมไปถึงการเอื้อประโยชน์ทางนโยบาย
รายละเอียดเรื่องนี้ดูเหมือนซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่นัยความสำคัญต่ออนาคตชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจ
หัวใจของเรื่องนี้อยู่ที่ประกาศ 3/2550 ของคณะกรรมการ กลต. ว่าด้วยเรื่อง ‘หลักเกณฑ์ป้องกันการฟอกเงิน‘ ในประกาศนี้ระบุชัดเจนว่าอะไรเข้าข่ายข้อสงสัยว่าอาจจะมีการฟอกเงิน อย่างเช่น
1. การใช้ nominee และการหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อเจ้าของเงินตัวจริง
2. การมีธุรกรรมที่ไม่สอดคล้องกับฐานะการเงินของผู้ทำธุรกรรม
3. การมีธุรกรรมที่ไม่สมเหตุสมผลในเชิงเศรษฐกิจ
ซึ่งเราเชื่อว่าเอกสารหลักฐานที่ประชาธิปัตย์นำเสนอล้วนเข้าเกณฑ์ทั้งหมดนี้ และเกณฑ์อื่นๆอีก จึงเป็นเหตุให้เราจึงขอเรียกร้องกับ กลต. รวมไปถึง ปปง. และภาคการเมืองที่มีอำนาจเหนือหน่วยงานเหล่านี้ว่า ’ท่านอยู่เฉยไม่ได้แล้ว‘
Link clip ในคอมเมนท์ครับ”
