“ปธ.กก.บลจ.บัวหลวง” แนะนำการลงทุนของผู้มีเงินออมในปี 64 ชี้เทรนด์การลงทุนในอนาคตคือ “สุขภาพ-เทคโนโลยีใหม่-ESG” ย้ำควรมีเงินสำรองฉุกเฉินสักปี หากต้องตกงาน แต่ถ้าได้โบนัสควรรีบไปลดหนี้ให้มากที่สุด ถ้ายังมีเงินเดือนประจำให้เก็บออมและลงทุนทุกเดือนตามสัดส่วน เชื่อถ้าเดือนก.พ.นี้ โควิดคลี่คลาย ตลาดหุ้นจะไปได้
เมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง จำกัด อธิบายเรื่อง “การลงทุนของผู้มีเงินออมในปี 2564” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้… “จบสิ้นปี 2563 ไปอย่างงงๆ คือจะดีก็ไม่ใช่ จะร้ายก็ไม่เชิง เพราะเมื่อบรรยากาศลงทุนเริ่มสดใส แต่พอเข้าใกล้ปลายปีตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. แม้ตลาดหุ้นจะยังดูดีมีความหวัง เจ้าโควิดก็กลับมาคุกคามการใช้ชีวิตของเราอีกครั้ง จนทำให้เทศกาลฉลองคริสมาสต์และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พลันจอดสนิทเพราะพิษหงสากับนักพนัน ทำให้คาดว่าตลอดเดือนมกราคมนี้ การป้องกันตนเองในลักษณะ Work from Home ต้องกลับมาอีกครั้ง และน่าจะคงอยู่ไปตลอดเดือน ม.ค. เป็นแน่ ส่วนจะหยุดเชื้อเพื่อชาติหรือไม่นั้น อย่างน้อยขอให้ทุกท่านคิดใกล้ๆ ไว้ก่อนว่าเราต้องหยุดการแพร่เชื้อ/รับเชื้อ เพื่อตัวเราเองและคนใกล้ชิด ไม่ต้องไปคิดให้มันยิ่งใหญ่
ข้อดีของการไม่ได้ฉลองปีใหม่นอกบ้าน คือการมีเวลาให้ตนเองและครอบครัวมากขึ้น และหวังว่าพวกเราคงจะใช้เวลาไปกับอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ 1.การให้ความรักความอบอุ่นกับคนในครอบครัว 2.การสะสางสมบัติบ้าในบ้านเรา เพื่อหาพื้นที่ว่าง และนำไปบริจาคให้คนอื่น 3.การทบทวนผลการลงทุนและแผนลงทุนในปี 2564
ในที่นี้จะขอสรุปถึงข้อ 3 อย่างสั้นๆ ดังนี้
1.เทรนด์การลงทุนในอนาคตคือ สุขภาพ เทคโนโลยีใหม่ที่คนจะนิยม กระแสการลงทุนเพื่อความยั่งยืนโดยเฉพาะเรื่อง ESG (Environmental, Social, and Governance) โครงสร้างประชากรที่เกิดไม่ง่าย แต่ตายยาก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชากรที่เปลี่ยนไป
2.เราควรลงทุนในธุรกิจใดใดก็ตามที่มีนโยบายรองรับข้อ 1 (ไม่ได้จำกัดให้ลงทุนเฉพาะธุรกิจในเซคเตอร์ตามข้อ 1 เท่านั้น เพราะหากธุรกิจอื่นใดที่มีโมเดลรองรับเทรนด์ตามข้อ 1 ได้ดี ก็จะเป็นธุรกิจที่รุ่งเรืองในอนาคต)
3.เราตัองจัดสัดส่วนลงทุนของเราในสินทรัพย์ทางการเงินแต่ละกลุ่มให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของเราโดยเฉพาะ ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน และทองคำ หรืออื่นๆ อย่างละกี่ %
4.เรามีโอกาสในการกระจายการลงทุนตามข้อ 3 ไปนอกประเทศได้ ให้ใช้โอกาสนั้นด้วย ใครที่ทำไปแล้วในปีก่อนได้คงจะยิ้มได้กว้างขวางเมื่อเห็นผลของมันในปี 2563
5.หากมีรายได้ประจำเป็นเงินเดือน ให้เก็บออมและลงทุนทุกเดือนตามสัดส่วนที่กำหนดในข้อ 3
6.เงินสำรองเผื่อฉุกเฉินต้องมีไว้เสมอในจำนวนที่เพียงพอสำหรับการใช้ถ้าตกงานสักปี และไม่นำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเป้าหมายของเงินก้อนนี้คือเงินต้นต้องไม่หาย ทำให้ผลตอบแทนสูงไม่ใช่เป้าหมายหลัก เพราะยามฉุกเฉินจะได้มีไว้บรรเทาความยากลำบากได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
7.หากได้รับโบนัส ให้นำไปลดหนี้ให้มากที่สุด และอย่าฟุ่มเฟือย อย่าก่อหนี้เพิ่ม
.
สุดท้ายนี้ขอให้พวกเราดำรงตนในความไม่ประมาทเพื่อรับเศรษฐกิจปีฉลูให้ได้อย่างมีสติ หากโควิดที่ระบาดอีกในรอบนี้คลี่คลายลงในเดือน ก.พ. ตลาดหุ้นบ้านเราน่าจะไปได้
อนาคตครึ่งหนึ่งมาจากปัจจัยภายนอก อีกครึ่งหนึ่งมาจากการกำหนดของเราเอง เราจึงสามารถเป็นผู้วาดภาพอนาคตของเราได้
………………………..
เครดิตภาพ : FB วรวรรณ ธาราภูมิ