“มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ตัดสินใจสละเรือทิ้งพรรคพลังประชารัฐ นับว่าเป็นนักการเมืองที่กล้าหาญมาก ยอมกระโดดน้ำลงทะเลไปตายเอาดาบหน้า
ฟางเส้นสุดท้ายบังคับให้เลือกเส้นทางนี้ เกิดจาก “จอมบงการ” กดปุ่มให้สภาล่มซ้ำซาก เพื่อเปิดสูตร 100 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นทางด่วนไปถึงจุดหมายประกาศใช้เป็นกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. เร็วขึ้น
ปกติการพิจารณากฎหมาย กฎหมายลูก รัฐธรรมนูญ มีขั้นตอนกำหนดชัดเจน เดินครบลูปรับรองไม่เจอทางตัน
แม้ล่าช้าบ้างก็เป็นธรรมดา เพื่อให้กฎหมายคลอดออกมามีความรอบคอบ ที่สำคัญที่สุดการเปิดให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาได้ถกเถียงกันในสภา ถึงหลักการ เหตุและผล ยังถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
ประชาชนสัมผัสถึงมุมมองผู้แทนของปวงชนของเขาได้ตลอด
หากคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พิจารณาถ้อยคำที่อดีตลูกพรรคพยายามสื่อไปถึง คงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย ที่สลัดภาพลักษณ์จากพรรคทหารสั่งการเด็ดขาดแบบทหาร ให้กลายเป็นสถาบันการเมืองในอนาคตได้
โดยเฉพาะคำว่า “เหตุการณ์ประชุมร่วมรัฐสภา 15 ส.ค. เกิดข้อกังขารัฐสภายังคงเป็นที่พึ่งแก่ประชาชนได้หรือไม่”
แม้มีสมาชิกรัฐสภาอีกหลายคน ที่มีจิตสำนึกทำหน้าที่ผู้แทนปวงชน เข้าประชุมในวันที่มีพฤติกรรมขยี้หัวใจประชาชน
ศรัทธาที่ประชาชนมีต่อรัฐสภาก็เสื่อมทรุด เพราะพฤติการณ์นี้หนักข้อยิ่งกว่าเผด็จการรัฐสภารูปแบบเดิม
ขนาด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งอยู่นอกวงโคจร ยังทำนายกลเกมล่วงหน้า แม่นเหมือนตาเห็นอนาคต
15 ส.ค. ล้มวงประชุมรัฐสภาตามหมากเกมที่วางไว้ โดยแฉให้เห็นภาพจะๆๆ “มีคำสั่งให้บรรดานักเล่นเกมใต้อาณัติไปลงชื่อแล้วให้กลับบ้านได้ ครอบงำการปฏิบัติหน้าที่ของนักเล่นเกมที่อยู่ใต้อาณัติ”
บงบอกให้เห็นว่าส.ส.-ส.ว.ส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้อาณัติของจอมบงการ ไม่ใช่เป็นผู้แทนปวงชน แต่เป็นตัวแทนของจอมบงการ
สร้างความเสียหายแก่ประเทศจนย่อยยับ ไม่เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้านในยามทุกข์ยาก เผชิญปัญหาปากท้องตามยถากรรม ชาวบ้านมองอนาคตไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ในเมื่อนักการเมืองทำตัวเพื่อนักการเมือง เพื่อ “จอมบงการ” เพื่อ “นายทุน” โดยไม่เห็นหัว “เจ้าของอำนาจตัวจริง” คือ “ประชาชน”
ขณะที่ครม. ตีเนียน ออกพ.ร.ก.ให้กระทรวงการคลังค้ำประกันหนี้กองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท โยนภาระให้ประชาชนรับไปเต็ม แต่อุ้มบริษัทยักษ์ใหญ่โรงกลั่นน้ำมันที่รวยพุงปลิ้น
โดยไม่ฟังเสียงของ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า ที่เสนอให้เก็บภาษีลาภลอย นำเงินภาษีมาลดต้นหนี้กองทุนน้ำมัน
หรืออีกข้อเสนอหนึ่ง “ภาระจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน” ต้องกำหนดให้โรงกลั่นน้ำมันเป็นฝ่ายจ่าย
สภาฯตกอยู่ในสภาพเผด็จกดปุ่มสั่งได้ ครม.ตกอยู่ในสภาพไร้ไอเดียแก้วิกฤติพลังงาน
หาก 24.00 น. คืน 23 ส.ค. 65 “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังกล้าเดินก้าวข้ามเส้นแห่งเวลาเป็นนายกฯ ทะลุ 8 ปีต่อไปอีก
ประเทศไทยก็ตัวใครตัวมันนะครับผม
…………………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
