พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เดินหน้าสร้างชุมชนสีเขียว นำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟในโครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ-EV Charger ในอีก 11 โครงการ ตามเทรนด์พลังงานสะอาด
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าภารกิจการสร้างชุมชนสีเขียว ตามแนวคิด GREEN NEIGHBOR ล่าสุดได้ติดตั้งโซลาร์รูฟ ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้กับบ้านรุ่นใหม่ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ และ โครงการเพอร์เฟค เพลสรวม 8 โครงการ
โดยโซลาร์รูฟที่ได้รับการติดตั้งในโครงการเพอร์เฟค เพลส มีขนาด 1.6 kWp สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าปีแรกได้ประมาณ 10,300 บาท/ปี ส่วนโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ มีขนาด 3.21 kWp ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าปีแรกได้ถึง 20,700 บาท/ปี
นอกจากนี้ยังได้มีการ ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน (EV CHARGER) สำหรับ บ้านเดี่ยวรุ่นใหม่รวม 11 โครงการ ทั้งในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ โครงการเพอร์เฟค เพลส ส่วนโครงการเพอร์เฟค พาร์ค เป็นการติดตั้ง EV Ready ระบบไฟฟ้าที่รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อมอบความสะดวกให้กับผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งทั่วไปมีแนวโน้มชาร์จไฟที่บ้านมากกว่า 80% และยังนับเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ปัจจุบัน บ้านของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้รับการก่อสร้างด้วยผลิตภัณฑ์ SCG Green Choice ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้ เช่น คอนกรีตรักษ์โลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อิฐมวลเบาที่ลดความร้อนช่วยประหยัดพลังงาน ฉนวนกันความร้อนผลิตจากวัสดุรีไซเคิลแทนการใช้ทรายธรรมชาติ รวมถึงกระบวนการก่อสร้างทุกขั้นตอนที่เน้นลดการเกิดเศษวัสดุเพื่อไม่ให้เป็นปัญหามลพิษได้
พร้อมกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังมีเป้าหมายเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะโลกร้อน ด้วยการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัด กิจกรรม Green Neighbor Virtual Run ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมสร้างชุมชนสีเขียว ด้วยการเดิน-วิ่งสะสมระยะทาง เพื่อเปลี่ยนเป็นการปลูกต้นไม้
ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ สามารถเปลี่ยนเป็นการปลูกต้นไม้ได้ถึง 37,000 ต้น หรือสามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณถึง 370,000 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งจะมีการปลูกต้นไม้ทั้งภายในโครงการ ชุมชนใกล้เคียงโดยรอบ รวมถึง ร่วมฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายหาด ณ วนอุทยานปราณบุรีด้วย โดยยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างต่อเนื่อง จนถึง 30 กันยายนนี้