วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 28, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“หมอธีระ”ติงนโยบาย“ลดวันกักตัว 5+5” โอกาสแพร่เชื้อต่อสูง
- Advertisment -spot_imgspot_img

“หมอธีระ”ติงนโยบาย“ลดวันกักตัว 5+5” โอกาสแพร่เชื้อต่อสูง

หมอธีระ’ ติงนโยบาย ‘ลดวันกักตัว 5+5’ โอกาสแพร่เชื้อต่อสูง ยกงานวิจัยล่าสุด แยกกักตัว 5 วันหลังพบติดเชื้อ โอกาสหลุด 75% , ถ้านับจากเริ่มป่วย โอกาสหลุด 67%และ อาจทำให้การระบาดยืดเยื้แ-รุนแรงกว่าที่ควร

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Thira Woratanarat’ ระบุ “อย่าออกนโยบายที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ…

การชงลดวันกักตัวเป็น 5+5 นั้นไม่สอดคล้องกับหลักฐานวิชาการแพทย์ในปัจจุบัน

ดังที่เคยทราบจากงานวิจัยก่อนหน้านี้แล้วว่า หากแยกกักตัว 5 วัน โอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อที่ยังคงสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้นั้นสูงถึง 50%, 7 วัน 25%, และ 10 วัน 10%

เกิน 14 วันจึงจะปลอดภัย

ดังนั้นหากแยกตัวกักตัวน้อยกว่า 14 วันจึงมีความเสี่ยง และทางที่ควรพิจารณาทำในทางปฏิบัติโดยพยายามลดความเสี่ยงคือ การแยกตัวกักตัวอย่างน้อย 7-10 วัน โดยต้องแน่ใจว่าสุขภาพดีขึ้นจน “ไม่มีอาการป่วย และตรวจ ATK เป็นผลลบแล้ว” จึงค่อยออกมาใช้ชีวิตโดยป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดและควรใส่หน้ากาก N95 หรือเทียบเท่า

ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทีมวิจัยจาก Imperial College London สหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปริมาณไวรัสในผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 อย่างละเอียดมาก ถือเป็นหลักฐานวิชาการล่าสุดที่ตอกย้ำว่าแนวทาง 5+5 ไม่ใช่นโยบายที่ถูกต้อง

ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ระบบทางเดินหายใจ The Lancet Respiratory Medicine วันที่ 18 สิงหาคม 2565

สรุปสาระสำคัญคือ

หากนับจากวันที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ…

แยกกักตัว 5 วัน มีโอกาสหลุด 75%

แยกกักตัว 7 วัน มีโอกาสหลุด 35%

แยกกักตัว 10 วัน มีโอกาสหลุด 10%

และหากนับจากวันแรกที่เริ่มมีอาการป่วย…

แยกกักตัว 5 วัน มีโอกาสหลุด 67%

แยกกักตัว 7 วัน มีโอกาสหลุด 30%

แยกกักตัว 10 วัน มีโอกาสหลุด 10%

ด้วยชุดข้อมูลความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบัน ชี้ชัดว่า 5+5 ไม่ใช่นโยบายที่ควรทำ

ปัจจุบันการใช้ชีวิต ทำมาหากิน ศึกษาเล่าเรียน และระบบเศรษฐกิจนั้นพอขับเคลื่อนไปได้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าการระบาดในประเทศนั้นมีจำนวนมาก คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษามาตรฐานสากลได้ และจำนวนคนเสียชีวิตของไทยก็ยังติดอันดับต้นๆ ของเอเชียและของโลก

นโยบายและมาตรการที่ควรทำคือ การกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงสถานการณ์จริง ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และป้องกันตัวอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

อย่าเข็นนโยบายที่อาจทำให้สถานการณ์ระบาดยืดเยื้อยาวนานกว่าที่ควร หรือรุนแรงมากกว่านี้เลยครับ

ทุกชีวิตมีค่า…

สำหรับประชาชนรวมถึงนายจ้างลูกจ้าง ควรนำความรู้ไปประยุกต์ใช้สำหรับตนเอง ครอบครัว และกิจการของตนเองตามความเหมาะสม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img