วันพฤหัสบดี, มกราคม 16, 2025
หน้าแรกHighlight10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่ “พิชัย”ตามบี้“ประยุทธ์”ไปแล้วไปเลย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่ “พิชัย”ตามบี้“ประยุทธ์”ไปแล้วไปเลย

“พิชัย” ตามบี้ “ประยุทธ์” ไปแล้วไปเลย เหน็บเสพติดอำนาจลดตัวเป็นรมว. กลาโหม ถล่ม 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่ ชี้ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง ประเทศต้องไปต่อ

วันที่ 30 ส.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวในการเสวนาในหัวข้อ “8 ปี ประยุทธ์พอเถอะครับ ประเทศไทยต้องไปต่อ” ว่า หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกมติศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องทำใจได้แล้วว่าเวลาของพลเอกประยุทธ์ในการบริหารประเทศได้สิ้นสุดแล้ว อย่าได้ดันทุรังต่อไปอีกเลย จะยิ่งสร้างความน่าอับอายให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น การที่ผู้บังคับบัญชาทหารบกออกมาพูดสดุดีพลเอกประยุทธ์ก็หมายถึงการกล่าวชมเชยในการสิ้นสุดการทำหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์เท่านั้น ความพยายามของพลเอกประยุทธ์ที่จะยื้อแม้กระทั่งไปนั่งเป็น รมว. กลาโหม เป็นเรื่องที่ประชาชนจำนวนมากเห็นเป็นเรื่องน่าอับอายเหมือนทำใจไม่ได้ ยังยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ยอมลดเกรดตัวเองเพื่อยื้อที่จะอยู่ ทั้งที่ต้องปล่อยวางได้แล้ว ลองคิดดูว่าประชาชนจำนวนมากดีใจอย่างมากที่พลเอกประยุทธ์ออกไป หากพลเอกประยุทธ์กลับมาใหม่จะยิ่งสร้างความโกรธและความไม่พอใจเป็นหลายเท่าทวีคูณ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างมาก ดังนั้นเวลาของพลเอกประยุทธ์ได้หมดแล้ว และอย่าพยายามไปล็อบบี้ศาลรัฐธรรมนูญต่ออีกเลย เพราะไม่มีประโยชน์ ถ้ารอดก็น่าจะรอดแต่แรกไปแล้ว

นายพิชัย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายได้บริหารประเทศล้มเหลวมาตลอด สมควรที่จะต้องไปทั้งหมดได้แล้ว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจต้องเรียกว่าล้มเหลวยิ่งกว่าล้มเหลว โดยมีประเด็นที่แสดงความล้มเหลวอย่างที่สุด 10 เรื่องดังนี้ 1. รัฐบาลประยุทธ์เป็นรัฐบาลที่สร้างหนี้สาธารณะมากกว่าทุกรัฐบาลในอดีตรวมกัน ทำให้เป็นรัฐบาลที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากสุด 2. เป็นรัฐบาลใช้งบประมาณมากที่สุด แต่เศรษฐกิจกลับขยายตัวได้ต่ำที่สุดเฉลี่ยเพียงปีละ 1% กว่าเท่านั้น ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา 3. เป็นรัฐบาลที่มีการลงทุนต่างประเทศเฉลี่ยต่อปีต่ำที่สุด เพราะขาดความน่าเขื่อถือ 4. เป็นรัฐบาลที่ราคาน้ำมันแพงสุด ก๊าซหุงต้มแพงสุด และ ไฟฟ้าแพงสุด ในขณะที่ช่วงที่พลังงานราคาถูกกลับทำเศรษฐกิจให้ขยายตัวไม่ได้ และ ผลิตไฟฟ้าล้นเกินมากที่สุด จ่ายค่าความพร้อมมากที่สุด 5. เป็นรัฐบาลที่ข้าวของแพงสุด มีเงินเฟ้อสูง แต่ประชาชนรายได้ไม่เพิ่ม 6. เป็นรัฐบาลที่คนจนมากสุด คนตกงานมากสุด และ คนฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจมากที่สุด 7. ความสามารถแข่งขันต่ำสุด ขนาด IMD ปรับลดลง 5 อันดับ และ โครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสุดไม่ได้มีการพัฒนา 8. มีการใช้งบทางการทหารมากที่สุด ซื้ออาวุธมากที่สุด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ 9. เป็นรัฐบาลที่อันดับการทุจริตแย่ที่สุด ปี 2564 อยู่อันดับ 110 จากการจัดอันดับขององค์กรสากล 10. โกหกมากที่สุด บอกว่าเศรษฐกิจดีทั้งที่แย่มาก ตั้งแต่ ขอเวลาอีกไม่นานแต่ลากมา 8 ปี จะคืนความสุขแต่มีแต่ความทุกข์ คนจะอดตายกันหมดแล้ว แต่ยังยืนว่าตนเองบริหารได้ดี

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ส่วน 10 เรื่องที่สุดแห่งความล้มเหลวย่ำแย่ที่เป็นผลจากการบริหารของพลเอกประยุทธ์และเครือข่าย ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังจะเข้ามาจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมี 4 เรื่องดังนี้ 1. อัตราดอกเบี้ยที่น่าจะขึ้นอีกมาก โดยล่าสุดจากการกล่าวสุนทรพจน์ของนายจาโรม เพาเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ระบุชัดเจนว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในอนาคตจนกว่าจะหยุดเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม และจะกระทบภาระหนี้ทั้งหมดทั้งหนี้ภาครัฐและหนี้ของเอกชน ซึ่งจะปัญหาในอนาคตที่หนักหนาสาหัสอย่างมาก 2. ราคาไฟฟ้าที่จะต้องขึ้นราคาและแพงขึ้นอีก หลังจากขึ้นเป็นหน่วยละ 4.72 บาทในเดือนกันยายนนี้ เพราะ กฟผ. ยังมีหนี้ค้างอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท จากการบริหารเชื้อเพลิงที่ผิดพลาด และ การจ่ายค่าความพร้อมที่สูงเกิน ซึ่งจะกระทบความสามารถแข่งขันของไทยได้เพราะราคาไฟฟ้าของไทยจะสูงกว่าของเวียดนามมาก นอกจากนี้ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาขึ้นอีกครั้ง รวมถึงราคาก๊าซหุงต้มด้วย 3. อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ราคาสินค้าเรียงหน้ากันปรับขึ้นราคา แม้กระทั่ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และ ไข่ไก่ เป็นต้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนไม่เพิ่ม ซึ่งจะส่งผลต่อ คนจะลำบากกันมาก ค่าแรงที่ขึ้นไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังตำ่กว่าที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงที่ วันละ 400-425 บาทอย่างมาก 4. การขาดดุลการคลังและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพร้อมกัน หรือที่เรียกว่า Twin Deficit ทั้งนี้เพราะการส่งออกของไทยเริ่มแผ่ว โดยเดือนกรกฎาคม การส่งออกของไทยขยายได้เพียง 4.3% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า เดือนก.ค.2565 ถึงมูลค่า 3,660.5 ล้านดอลลาร์ และโดย 7 เดือนขาดดุลการค้ามีมูลค่าถึง 9,916.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากการท่องเที่ยวไม่เพิ่มเท่าที่ควร โอกาสไทยจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะมีสูงซึ่งจะทำให้ Twin deficit ที่เป็นสัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจ

“ปัญหา 4 เรื่องนี้ จะเกินมือที่รัฐบาลจะแก้ไขได้ และ จะสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาขนอย่างมาก จะบอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่ได้เล้ว 8 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าพลเอกประยุทธ์และเครือข่ายล้มเหลวอย่างมาก อย่าพยายามดื้อรั้นต่อไปอีกเลย ประชาชนจะยิ่งจะลำบากกันอย่างมาก ไม่ไหวอย่าฝืนครับ โดยพรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาแก้ไข และได้คิดนโยบายรองรับไว้แล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและเลือกพรรคเพื่อไทยมากๆ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในไม่นานนี้”นายพิชัย กล่าว

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img