วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 28, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightเตรียมตัวเลย!บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ'เปิดลงทะเบียนรอบใหม่เริ่ม 5 ก.ย.-19 ต.ค.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เตรียมตัวเลย!บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’เปิดลงทะเบียนรอบใหม่เริ่ม 5 ก.ย.-19 ต.ค.

เตรียมตัวเลย “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เปิดลงทะเบียนรอบใหม่ 5 ก.ย.-19 ต.ค.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด

วันที่ 3 ก.ย.65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง เปิดลงทะเบียน โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตั้งแต่ 5 กันยายน –วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ผ่าน 7 หน่วยงานรับลงทะเบียน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา หรือลงทะเบียนผ่าน https:// บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว รวมทั้งผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯ จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน ซึ่งกระทรวงคลังจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ 2565 ภายในเดือนมกราคม 2566 ผ่านทั้ง 2 เว็บไซต์ดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ นายอนุชา กล่าวว่า แนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทะเบียน ดังนี้ 1.การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ดำเนินการได้ดังนี้ กรณีคนโสด กรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มในเว็บไซต์ เมื่อลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ลงทะเบียนสามารถเข้ามาตรวจสอบ สถานะการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์อีกครั้งโดยกดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ซึ่งจะทราบผลการลงทะเบียนในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยเริ่มประกาศผลการลงทะเบียนวันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป กรณีผู้ที่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้เช่นเดียวกัน และจะต้องพิมพ์แบบฟอร์มลงทะเบียนที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวเพื่อนำ ไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อ ในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน

นายอนุชา กล่าวว่า 2.กรณีที่ผู้ลงทะเบียนสะดวกลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียน จะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน พร้อมบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมา และ 3.กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้แบบฟอร์มการลงทะเบียนและหนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของโครงการฯ

สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อลดภาระค่าของชีพประชาชนผู้มีรายได้น้อย เช่น ค่าซื้อสินค้า 200 – 300 บาท ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท ส่วนลดแก๊สหุงต้ม 45 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) กรณีกลุ่มเปราะบางจะได้ส่วนลด 100 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครอบครัว (ตามที่จ่ายจริง) เงินช่วยค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาทต่อครอบครัว (ตามที่จ่ายจริง) เงินพิเศษผู้พิการ 200 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็กจะได้ส่วนลดก๊าซหุงต้มพีที (ปตท.) 100 บาท ที่ร้านจำหน่ายที่ร่วมรายการ เงินพิเศษผู้สูงอายุ 50 ถึง 100 บาทขึ้นอยู่กับเกณฑ์รายได้

โดย นายอนุชา ยังกล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี 26 กรกฎาคม 2565 อนุมัติ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนวงเงิน 5,336.8304 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ยังคงปรับสูงขึ้นนี้ โดยเป็นการกำหนดมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด

ทั้งนี้ นายอนุชา กล่าวว่า แนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการจะลงทะเบียน ดังนี้ 1.การลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ดำเนินการได้ดังนี้ กรณีคนโสด กรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มในเว็บไซต์ เมื่อลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ลงทะเบียนสามารถเข้ามาตรวจสอบ สถานะการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์อีกครั้งโดยกดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ซึ่งจะทราบผลการลงทะเบียนในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยเริ่มประกาศผลการลงทะเบียนวันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป กรณีผู้ที่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้เช่นเดียวกัน และจะต้องพิมพ์แบบฟอร์มลงทะเบียนที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวเพื่อนำ ไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อ ในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน

นายอนุชา กล่าวว่า 2.กรณีที่ผู้ลงทะเบียนสะดวกลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียน จะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน พร้อมบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมา และ 3.กรณีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้แบบฟอร์มการลงทะเบียนและหนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของโครงการฯ

สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อลดภาระค่าของชีพประชาชนผู้มีรายได้น้อย เช่น ค่าซื้อสินค้า 200 – 300 บาท ค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะ 500 บาท ส่วนลดแก๊สหุงต้ม 45 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) กรณีกลุ่มเปราะบางจะได้ส่วนลด 100 บาท (ต่อรอบ 3 เดือน) เงินช่วยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครอบครัว (ตามที่จ่ายจริง) เงินช่วยค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาทต่อครอบครัว (ตามที่จ่ายจริง) เงินพิเศษผู้พิการ 200 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็กจะได้ส่วนลดก๊าซหุงต้มพีที (ปตท.) 100 บาท ที่ร้านจำหน่ายที่ร่วมรายการ เงินพิเศษผู้สูงอายุ 50 ถึง 100 บาทขึ้นอยู่กับเกณฑ์รายได้

โดย นายอนุชา ยังกล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี 26 กรกฎาคม 2565 อนุมัติ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนวงเงิน 5,336.8304 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ยังคงปรับสูงขึ้นนี้ โดยเป็นการกำหนดมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img