รัฐบาลลุยกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เตือนอย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อ ย้ำให้ทบทวนก่อนโอนเงิน
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งได้สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลจะพยายามแจ้งเตือน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ทันกลโกงมิจฉาชีพ แต่ยังมีประชาชนหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ สูญเสียเงินอยู่ตลอดเวลา
นายอนุชา กล่าวว่า จากความทุ่มเทกวาดล้างแก๊งมิจฉาชีพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานร่วมกับตำรวจกัมพูชาทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการกลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา สามารถจับกุมผู้ต้องหาและได้นำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมาได้เข้าทำการตรวจค้นพร้อมกัน จำนวน 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 อาคารในเมืองพระสีหนุ ซึ่งเครือข่ายกลุ่มนี้มีแผนประทุษกรรมหลอกลวงคนไทยฝั่งประเทศไทยให้ทำการลงทุนตามภารกิจ ในเครือข่ายของแอพพลิเคชั่น tiktok มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่เกิดเหตุพบคนไทย 19 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับ 15 ราย และไม่มีหมายจับอีก 4 ราย ซึ่งทั้งหมดทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลงทุนโดยใช้แอพพลิเคชั่นชื่อว่า tt (tiktok ปลอม)
จุดที่ 2 อาคารในเมืองกันดาล ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของกลุ่มคนจีนร่วมกับคนไทย จัดตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ในลักษณะแอบอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย, บริษัท DHL และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง มีประชาชนได้รับความเสียหายมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ผลการตรวจค้นพบคนไทยซึ่งเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับกว่า 40 ราย
“รัฐบาลมีนโยบายเร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และหาทางป้องกันอย่างจริงจัง ถอนรากถอนโคนขบวนการนี้ให้หมดสิ้นไป เพื่อแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน รวมทั้งฝากเตือนประชาชนให้มีสติคิดก่อนจะโอนเงินให้ใคร ทั้งนี้ หากผู้เสียหายที่ยังไม่ได้ร้องทุกข์สามารถแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หรือพบเบาะแส เกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือศูนย์ PCT 08-1866-3000 ผู้เสียหายสามารถ และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th” นายอนุชา กล่าว