สธ.ชงกก.โรคติดต่อฯพิจารณาจัดกลุ่มและลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิดล็อตแรกไทยไทย ก.พ.นี้ พร้อมกระจายวัคซีนให้รพ.ศูนย์และจุดให้บริการกว่า 11,000 แห่ง เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนใกล้บ้านที่สุด
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การซื้อวัคซีน 2 ล้านโดนจากบริษัทซิโนแว็กซ์ เป็นวัคซีนเชื้อตาย เป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมมีความปลอดภัยสูง ที่ประเทศจีนมีการฉีดให้กับประชาชนจำนวนมากโดยเป็นการใช้ในกรณีฉุกเฉิน ยังไม่พบว่ามีรายงานผลข้างเคียงชนิดรุนแรงแต่ประการใด และคงจะได้ขึ้นทะเบียนในประเทศจีนได้ในเร็ววัน
ทั้งนี้การนำเข้ามาใช้ในไทยนั้นจะเป็นการทยอยนำเข้ามา ล็อตแรกปลายเดือน ก.พ.ล็อตถัดไปคือ มี.ค., เม.ย. ซึ่งการทยอยนำเข้ามาก็จะทำให้ไทยได้เกิดการเรียนรู้ด้วยจากนั้น พอเดือนพ.ค. ก็จะเป็นล็อตใหญ่จากบริษัทแอสตราเซเนก้า 26 ล้านโดส และหลังจากนั้นอีก 35 ล้านโดส โดยรวมที่มีการจัดหาวัคซีนใช้ประเทศไทยประมาณ 60 กว่าล้านโดส สำหรับคนไทยประมาณ 30 ล้านคน เบื้องต้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางองค์การเภสัชกรรมได้สำรองงบกว่า 1 พันล้านบาท ซื้อมาก่อนระหว่างที่รัฐบาลยังไม่ได้โอนงบฯ มาให้
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แผนการจัดสรรวัคซีน 2 แสนโดสแรกที่จะเข้ามาฉีดในสถานการณ์เร่งด่วนนั้นจะให้กับกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว เบาหวาน อ้วน เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้กับบุคลากรสาธารณสุข และบุคลากรที่ทำงานหน้าด่านในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด คือ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยองจันทบุรี และตราด โดยจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในวันที่ 11 ม.ค. นี้ หากผ่านความเห็นชอบจะเข้าสู่แผนการเตรียมความพร้อม พิจารณาสถานพยาบาลที่จะจัดบริการฉีด การอบรมเจ้าหน้าที่และการลงทะเบียนด้วยแอพพลิเคชัน เนื่องจากมีการเคลื่อนของคนการใช้แอพฯจึงสะดวกในการลงทะเบียนและติดตามการฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม และติดตามผลหลังการรับวัคซีนด้วย และผลข้างเคียงจากวัคซีนด้วย
ทั้งนี้หลังการรับวัคซีนแล้วกรมควบคุมโรคก็จะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสถานพยาบาลดำเนินการติดตามเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวัคซีน ทุกคนเป็นเวลา 4 สัปดาห์ หากมีอาการอะไรก็จะมีระบบบันทึกข้อมูล หากมีอาการรุนแรงก็จะมีคณะกรรมการตรวจสอบอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนหากรุนแรงมากและคิดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนก็จะสอบสวนและหยุดการฉีดวัคซีนไว้
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนเป็นไปตามมาตรฐานสากล สำหรับการกระจายวัคซีนส่วนกลางจะมีคลังของกรมควบคุมโรค ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม ส่งกระจายไปยังรพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป แล้วค่อยกระจายต่อไปยัง รพ.ชุมชน รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล รวมๆ มี จุดให้บริการกว่า 11,000 แห่ง เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนใกล้บ้านที่สุด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า วัคซีนเป็นเครื่องมือหนึ่งในการหยุดการแพร่ระบาดของโรคระบาดในสังคม อาจจะไม่ต้องฉีดครบ 100% แต่การมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาในระดับหนึ่งจะลดอำนาจการแพร่กระจายเชื้อได้ การระบาดในสังคมนั้นจะลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งท้ายที่สุดจะหยุดการแพร่ระบาดได้ แต่ก็อาจจะเจอผู้ป่วยประปราย ประเทศไทยก็เช่นกัน อย่างไรก็ตามการจัดหาวัคซีนต้องมีการพิจารณาข้อมูลหลายด้าน อย่างรอบคอบ อาทิ 1.คุณสมบัติของวัคซีน 2.ราคา 3. จำนวนที่จะได้มา และ 4.ระยะเวลาที่จะได้วัคซีนเข้ามา เพราะการเจราซื้อวันนี้ไม่ใช่ว่าจะได้เลยแต่ต้องรอ บางตัวอาจจะรอนาน 8 เดือน 1 ปี ทั้งนี้ต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลผลแล้วเลือกที่ปลอดภัยกับประชาชน และเจรจาไว้หลายตัวเพื่อเป็นทางเลือก แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 3 ชนิด เพราะถ้ามากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการซับซ้อนและสับสน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจ เรามีกลไกคณะกรรมการ ผู้เชี่ยวชาญหารือกันอย่างถี่ถ้วนในการจัดหาวัคซีน ส่วนที่มีความเป็นห่วงกังวลในโซเชียลมีเดียทั้งหลายนั้นกระทรวงสาธารณสุขรับฟัง แต่หลายเรื่องเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่คาดเคลื่อน หลายเรื่อง เป็นการมองซ้าย มองขวาที่ไม่เหมือนกัน ยืนยันว่าไม่มีการกีดกันเอกชน แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และปริมาณวัควีนที่รัฐจัดหาก็เพียงพอที่จะให้กับคนไทยพอที่ในระดับจะมีภูมิคุ้มกันโรคที่ควบคุมป้องกันโรคได้โดยไม่จำเป็นจะต้องไปรับวัคซีนจากภาคเอกชนด้วยซ้ำไป หรือกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐซื้อวัคซีนจากบริษัทของจีนเพราะมีเจ้าสัวเข้าไปมีหุ้นนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากวัคซีนที่เราจองไว้ 26 ล้านโดส จะเริ่มมีใช้ประมาณ พ.ค. แต่ระหว่างนี้เราก็พยายาม จัดหาวัคซีนจากแหล่งอื่นหลายแห่ง
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผอ. สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีวัคซีนที่ผ่านการทดลองในคนระยะที่ 3 แล้วไม่กี่แห่ง อาทิ วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ในรูปแบบ mrna ประสิทธิผล 95% ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน วัคซีนของบริษัทโมเดิร์นนา ชนิด mrna ประสิทธิผล 94.5% ทั้ง 2 ชนิดได้รับการขึ้นทะเบียนที่อเมริกาแล้ว ซึ่งของไฟเซอร์ขึ้นทะเบียนที่อังกฤษด้วย นอกจากนี้ก็มีวัคซีนของแอตราเซเนก้า ชนิดไวรัล เว็คเตอร์ ประสิทธิผลอยู่ที่ 62-90% อยู่ที่ปริมาณการฉีด มีการขึ้นทะเบียนแล้วที่อังกฤษ โดยฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน วัคซีนของรัสเซีย ชนิดไวรัล เว็คเตอร์ ประสิทธิผลผล 92% ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 24 วัน และวัคซีนเชื้อตาย ของบริษัทในประเทศจีน ประสิทธิผลอยู่ที่ 79% ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 21วัน และล่าสุดคือ วัคซีนเชื้อตายของบริษัทซีโนแวค ประสิทธิผลที่ 78% ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 14 วัน อยู่ระหว่างการยื่นขึ้นทะเบียนที่ประเทศจีน
ผอ.สถาบันวัคซีน กล่าวต่อว่า วัคซีนแต่ละตัวจะมีผลข้างเคียงอยู่ มีทั้งผลข้างเคียงทั่วไปเช่นมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดบริเวณข้างเคียงที่ฉีด ยังไม่พบรายงานผลข้างเคียงรุนแรงของวัคซีนทั้ง 5 ตัว แต่มีข้อสังเกตว่าการใช้วัคซีนป้องกันโควิด -19 ในช่วงนี้เป็นการใช้ในภาวะเร่งด่วน อยู่ในภาวะที่ทยอยฉีดและเก็บข้อมูลไปด้วย ดังนั้นพอใช้วัคซีนไปจำนวนมากกว่าล้านคนขึ้นไปผลข้างเคียงที่อาจจะพบได้ยากหากฉีดในจำนวนคนน้อยๆ ก็จะค่อยๆ ปรากฏขึ้น เช่น วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ที่มีการรายงานของศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (US CDC) ที่มีรายงานการแพ้วัคซีนชนิดรุนแรงจากการใช้ในวงกว้างอัตราส่วน 11 ต่อ 1 ล้านการฉีด เป็นต้น ซึ่งวัคซีนตัวอื่นๆ ก็จะมีการเก็บข้อมูลแบบนี้เช่นเดียวกันก็จะทำให้เราพบข้อมูล ทั้งนี้การฉีดวัคซีนในภาวะเร่งด่วนที่มีการระบาดหนักต้องชั่งน้ำหนักผลที่จะได้ ในแง่ของการควบคุมการระบาด ลดอัตราป่วย อัตราการเสียชีวิต กับผลข้างเคียงของวัคซีน
ส่วนเรื่องการเก็บรักษาวัคซีนแต่ละชนิดก็แตกต่างกัน เช่น ชนิด mrna ของไฟเซอร์ต้องเก็บที่อุณหภูมิติดลบ 70- 80 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 6 เดือน ถ้าเอาไว้ในตู้เย็นปกติ 2-8 องศาฯ เก็บไว้ได้นาน 5 วัน วัคซีนของโมเดิร์นนาเก็บในอุณหภูมิติดลบ 20 องศาฯ นี่คือปัจจัยสำคัญในการพิจารณาจัดหาวัคซีนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม วัคซีนชนิดที่เริ่มทยอยออกมาระยะหลังๆ เช่น ของแอสตร้าเซนเนก้า ของรัสเซีย ของไซโนฟาร์ม เก็บได้ที่อุณหภูมิของตู้เย็น 2-8 องศาฯ และระยะต่อๆ จะมีวัคซีนที่ออกมาอีกเรื่อยๆ.