ถ้าบอกว่า ”บิ๊กตู่” ไม่โกง ก็พอเชื่อถือได้ เพราะยังไม่เคยมีข่าวแปดเปื้อน แต่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า รัฐบาลชุดนี้มีความสุจริตโปร่งใสตามไปด้วย
ดูจากการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสีส้ม มีพฤติการณ์ลบล้างคำปฏิญาณของ “บิ๊กตู่” ที่มุ่งบริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพราะคล้ายตั้งใจจะใส่พานทูนหัวให้กับเอกชนรายหนึ่งเป็นการเฉพาะพ
เริ่มจากก่อนเปิดให้ผู้สนใจเข้าซื้อซองประมูล รฟม.ได้กำหนดกติกาการแข่งขันเหมือนกับทุกครั้ง นั่นคือ ตัดสินจากข้อเสนอการผลตอบแทนให้กับรัฐ ใครมีข้อเสนอดีที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล
ตามขั้นตอนปฏิบัติ รฟม.จะตรวจเอกสารของผู้เข้าแข่งขันมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ หากผ่านขั้นตอนนี้ก็จะไปพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคว่า เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกติกาการแข่งขันหรือไม่
กลั่นกรองเป็นชั้น ๆ กันแบบนี้จนเหลือบริษัทที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการเปิดซองราคา ใครเสนอผลประโยชน์ให้แก่รัฐมากที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล
หน่วยงานรัฐที่ดูแลโครงการขนาดใหญ่ล้วนปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด
แต่การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มกลับไม่เป็นเช่นนั้น พอผู้สนใจเข้าซื้อซองประมูลเสร็จแล้ว รฟม.กลับเปลี่ยนกติกาการแข่งขัน โดยอ้างว่า มีผู้ร้องเรียน
อันที่จริงการร้องเรียนเป็นข้อกำหนดให้ทำได้ ในช่วงยกร่างกติกาการแข่งขัน เพื่อให้กติกาออกมาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่เมื่อประกาศกติกาการแข่งขันและเปิดขายซองแล้ว ไม่เคยมีใครกล้าเปลี่ยนกติกา เพราะเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องและยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ
รฟม. เปลี่ยนกติกาโดยเอาขั้นตอนพิจารณาเทคนิคและข้อเสนอผลประโยชน์กับรัฐ มารวมไว้ด้วยกัน โดยแบ่งการถ่วงน้ำหนักให้คะแนนดังนี้คือ ด้านเทคนิค 30 เปอร์เซ็นต์ ความน่าเชื่อถือของผู้เข้าแข่งขัน 10 เปอร์เซ็นต์ และผลตอบแทนที่ให้กับรัฐ 60 เปอร์เซ็นต์
ถ้า รฟม. ต้องการถ่วงน้ำหนักเช่นนี้ ทำไมไม่กำหนดเป็นกติกาการแข่งขันตั้งแต่ก่อนเปิดขายซอง เปรียบเทียบกับการเสาะหา นักวิ่ง โดยประกาศเชิญชวนให้ใครต่อใครมาวิ่งแข่ง พอรับสมัครเสร็จ ก็เพิ่มกติกาโดยให้ทุกคนต้องแข่งขันว่ายน้ำด้วย
ใครที่วิ่งเก่งแต่ว่ายน้ำไม่เป็น แพ้ตั้งแต่ก่อนเป่านกหวีด และผู้จัดงานก็ไม่มีทางได้คนวิ่งเก่งมาไว้ในทีม เพราะกติกาล็อกสเปกให้คนวิ่งได้และว่ายน้ำได้ เป็นผู้คว้าชัยชนะ
นอกจากนี้เพจ ของ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ระบุว่า การพิจารณาให้คะแนนด้านเทคนิค มีการระบุด้วยว่า ใครมีประสบการณ์ขุดอุโมงค์เส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 5 เมตรในประเทศไทย จะได้รับการพิจารณาพิเศษ
ชัดเจนถึงขนาดนี้ ไม่ต้องสับขาหลอกเปลี่ยนกติกาให้ใครต่อใครปวดหัว แต่น่าจะเขียนชื่อผู้ที่อยากใส่พานทูนหัวให้ จะดีกว่า
“บิ๊กตู่” ปฏิเสธไม่ได้ว่า รฟม.เป็นหน่วยงานของรัฐ อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลชุดปัจจุบัน หากปล่อยให้เรื่องเน่าเหม็นเกิดขึ้นแล้วไม่รีบแก้ไข ก็จะทำให้ชื่อเสียงความซื่อสัตย์สุจริตของตัวเองจะแปดเปื้อนน่าเคลือบแคลง.
……………….
