วันเสาร์, มิถุนายน 7, 2025
หน้าแรกCOLUMNISTS“กอ.รมน.”ปราการหน้าสกัดกั้น ปราบยาเสพติด และหนุนหมู่บ้านเข้มแข็ง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กอ.รมน.”ปราการหน้าสกัดกั้น ปราบยาเสพติด และหนุนหมู่บ้านเข้มแข็ง

“…..ไม่อยากให้เกิดกระแส หรือการปลุกปั่นว่า รัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากัน ซึ่งความจริงแล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น มีแต่การสนับสนุนกันอย่างดี และมีการเคลียร์กันว่าอำนาจหน้าที่ เนื้องานเป็นอย่างไรใครจะตัดสินใจ ….”

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 7 มิ.ย..68 หากพูดถึงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แล้ว อาจจะสงสัยว่า กอ.รมน.มีความสำคัญอย่างไรกับประเทศ และบทบาท อำนาจหน้าที่เป็นอย่างไร…??

@@@…….กอ.รมน. คือ หน่วยงานสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่สำคัญภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ในการขับเคลื่อนงานความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เดินหน้าเสริมสร้างความมั่นคงภายใต้แผนงาน “ตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ร่วมกับส่วนราชการด้วยการกำหนด 1,154 ตำบลเป้าหมาย เพื่อมุ่งแก้ไขภัยคุกคาม และพัฒนาให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ มีการดำเนินการจัดตั้งหมู่บ้านอาสาพัฒนาตนเอง จำนวน 55 หมู่บ้าน ใน 55 จังหวัด เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของหมู่บ้านให้มีความเข้มแข็งรักในถิ่นฐาน พร้อมเป็นส่วนร่วมในการพัฒนา และป้องกันตนเองในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ ได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดน: นบ.ยส.

@@@…….ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคเหนือ นบ.ยส.35 รับผิดชอบพื้นที่ 18 อำเภอ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่ นบ.ยส.24 รับผิดชอบพื้นที่ 25 อำเภอ ของจังหวัดนครพนม เลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี รวมถึง ในปี 2568 นี้ ได้มีการจัดตั้งหน่วย นบ.ยส.17 เพิ่มเติม เพื่อป้องกัน และสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก ใน 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้นมาพร้อมด้วย

@@@…….อย่างไรก็ตาม กอ.รมน. ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนนโยบายด้านความมั่นคงภายในประเทศสำหรับงานสำคัญเพื่อแก้ปัญหาที่หลากหลายอีกมากมายตามกรอบนโยบายภาครัฐซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียว เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด, การจัดระเบียบคนไร้ที่พึ่ง, การลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย, ปัญหาแรงงานต่างด้าว, การค้าอาวุธฯ, การค้าของเถื่อน, การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า, การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งการบรรเทาสาธารณภัยในหลายกรณีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้น โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน, ผบ.ทบ. เป็นรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และมีผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เป็น ผบช.กอ.รมน.จังหวัด รวมทั้ง แม่ทัพภาค คือ ผู้มีอำนาจสูงสุดสำหรับสั่งการ ใช้กำลัง และใช้งานฝ่ายทหารในระดับทัพภาคมาพร้อมด้วย

@@@…….ตัวอย่างการบูรณาการในส่วนงานปราบปรามยาเสพติดของ กอ.รมน.โดยฝ่ายข่าว กอ.รมน.ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญในประชาคมข่าวกรองของชาติ ร่วมกับ ฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ชุมชนห่างไกลในเครือข่าย และ ปปส. ในวันที่ 31 พ.ค.2568 เพียงวันเดียว มีการสนธิกำลังปฏิบัติภารกิจในหลายจังหวัด เช่น จว.กาฬสินธุ์ และเชียงราย เป็นต้นนั้น สามารถตรวจยึดยาบ้าได้ จำนวนมากถึง 4,200,000 เม็ด และจับกุมผู้ต้องหาได้หลายคน ซึ่งพบว่า การดำเนินการของกลุ่มคนเหล่านี้ มีลักษณะเป็นขบวนการเครือข่ายข้ามชาติที่เชื่อมโยงจากแหล่งผลิตภายนอกประเทศสู่ผู้ค้าในประเทศ และอาจเชื่อมโยงไปถึงตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงไปใช้เส้นทางรอง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการตรวจพบ ซึ่งบ่งชี้ถึงการวางแผนอย่างเป็นระบบ และมีแนวโน้มสูงว่า การชดเชยจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น การขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งเร่งขยายผลสืบสวนเพื่อหาต้นทาง – ปลายทาง ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มกล้องวงจรปิด เสริมกำลังลาดตระเวน และเพิ่มจุดสกัดเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกัน และสกัดกั้นต่อไปนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ 

@@@…….ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่า การด้อยค่า กอ.รมน.ของฝ่ายการเมือง หรือการพิจารณาขู่ว่าจะยุบหน่วยงานนี้ จะไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมการดำเนินมาตรการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติดของประเทศ และอาจทำให้สถานการณ์ยาเสพติดของไทย ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายจนมิอาจย้อนกลับไปได้ เหมือนเช่นที่เสียงปืนแตกในพื้นที่ จชต.หลังการยุบ พตท.43 เมื่อปี 2547 และจนถึงปัจจุบันสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ก็ยังไม่คลี่คลายลงในระดับที่เหมาะสมเป็นปกติสุขได้ ซึ่งหมายถึง การเพิ่มงบประมาณ การเพิ่มกำลังพล และการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ กอ.รมน.รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดของชาตินั้น คือ สิ่งสำคัญจำเป็นสำหรับการวางนโยบาย แผนงาน และโครงการภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้นอีกจากนี้ไป มิใช่เพียงแค่ยกเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังใด ๆ ทั้งนี้เพื่อให้ปัญหายาเสพติดของชาติคลี่คลายลงได้ในที่สุด ความมั่นคงภายในประเทศ ก็จะได้รับการประกัน 

@@@…….ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา  โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  และ พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ร่วมประชุม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุม ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  วันนี้มีการพูดคุยถึงมาตรการต่าง ๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากที่นายภูมิธรรม ได้ไปคุยกับทีมกัมพูชา ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังโอเค.และ ทุกหน่วยทุกฝ่ายทั้งกองทัพและรัฐบาลมีการปรึกษากันตลอด  ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ อำนาจไหนที่เป็นของใคร และทุกคนทราบในอำนาจของตัวเองเป็นอย่างดี ไม่อยากให้เกิดกระแส หรือการปลุกปั่นว่า รัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากัน ซึ่งความจริงแล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น มีแต่การสนับสนุนกันอย่างดี และมีการเคลียร์กันว่าอำนาจหน้าที่ เนื้องานเป็นอย่างไรใครจะตัดสินใจ 

@@@…….ด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ขอชี้แจงใน 3 ประเด็น คือ 1.กองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยสันติวิธี 2.กองทัพปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการรักษาอธิปไตย และคุ้มครองปกป้องประชาชน ตามแนวชายแดนซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอด 3.ในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ วันนี้ เป็นการประชุมตามวงรอบปกติในทุก 2 เดือน แน่นอนว่าจะมีการพูดคุยถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ในลักษณะที่สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล และแนวทางตามที่ สมช.ได้พูดคุยวันนี้ โดยหลังการประชุมจะมีการแจ้งข่าวต่อไป

@@@……ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก…..พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก พร้อมทีมโฆษกกองทัพบก เป็นตัวแทน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในการรับมอบหนังสือให้กำลังใจทหาร จากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.), กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกลุ่มกองทัพธรรม  โดยโฆษกกองทัพบกได้กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกขอขอบคุณ คณะ คปท., ศปปส. และกองทัพธรรม รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ที่ได้มีการแสดงออกถึงการให้กำลังใจ การแสดงน้ำใจ ผ่านรูปแบบต่างๆ ให้กำลังพลกองทัพบก ในการปฏิบัติหน้าที่สำคัญในห้วงนี้ ซึ่งกองทัพบกขอยืนยันว่าจะกำกับดูแลกำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและดูแลประชาชนในทุกพื้นที่อย่างดีที่สุด ภายใต้กลไกต่างๆ ที่มีอยู่อย่างเหมาะสม และสอดคล้องตามแนวนโยบายผู้บังคับบัญชา

@@@……ที่ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก กลุ่มพลังใจไทยแลนด์ โดย คุณจุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ และ คุณอาภาพรรณ โจโควิดจาจา เป็นผู้แทน มอบตาข่ายไนล่อนสีเขียวและผ้าใบกันฝนให้กับกองทัพบก โดยมี พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ในการรับมอบสิ่งของ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์เสริมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของทหารกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก ในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ของ กกล.สุรศักดิ์มนตรี และกกล.สุรนารี นำไปใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม  กองทัพบกจะส่งมอบให้กับกองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการแจกจ่ายตามความประสงค์ของกลุ่มพลังใจไทยแลนด์ ซึ่งถือเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่สนับสนุนภารกิจของกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่อง

@@@……นอกจากนี้หากผู้ที่ประสงค์จะส่งมอบกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน สามารถประสานข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองทัพภาคที่ 2 ทั้งนี้ กองทัพบกขอขอบคุณที่ทุกภาคส่วนที่ส่งมอบกำลังใจให้ทหารในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง ขอให้เชื่อมั่นว่าทหารจะปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มความสามารถ เพื่อดำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน 

@@@……กองทัพเรือ……พล.ร.อ. จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2568 บนเรือหลวงอ่างทอง และ ในพื้นที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช  ทั้งนี้ กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดจากธรรมชาติที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น การเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดคือการซักซ้อมและเตรียมการรับมือในช่วงสภาวะปกติ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลให้มีความพร้อมในการดำรงภารกิจป้องกันประเทศ และรักษาความมั่นคงทางทะเล ซึ่งเป็นไปตามนโยบายด้านการฝึกของกองทัพเรือ ที่ว่า “รบอย่างไร  ฝึกอย่างนั้น” และยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือที่เตรียมความพร้อมไว้ใช้ในยามสงครามยังสามารถปรับมาใช้ในการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤติ 

@@@……สำหรับการฝึกการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ในปีนี้ ได้มีการสมมุติสถานการณ์การเกิดพายุโซนร้อนสร้างความเสียหายในพื้นที่บริเวณชายฝั่งของอำเภอขนอมจังหวัดนครศรีธรรมราช  รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนและโรงไฟฟ้าขนอม จนต้องมีการหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว ในขณะที่บริเวณอำเภอขนอมเป็นพื้นที่ถูกตัดขาด ได้รับความเสียหายไม่สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ทางบกได้ และเกิดภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคทำให้ต้องได้รับการสนับสนุนการช่วยเหลือจากทางทะเล โดยหน่วยที่รับผิดชอบด้านบรรเทาภัยพิบัติในส่วนของกองทัพเรือ ได้จัดหมวดเรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัย และจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (ICC : Incident Command Center) ชุดประเมินความเสียหาย (NDAT : : Naval Damage Assessment Team)

@@@……ชุดค้นหาและช่วยเหลือฯ (USAR : Urban Search And Rescue) เรือระบายพลขนาดใหญ่ เรือปฏิบัติการพิเศษ ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ระดับสูง (MERT : Medical Emergency Response Team) ซึ่งจัดกำลังจาก กองเรือยุทธการ ทัพเรือภาค 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กรมแพทย์ทหารเรือ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กรมอุทกศาสตร์ กรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ ตลอดจนหน่วยงานภายนอกกองทัพเรือ ประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค 2)  ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิประชาร่วมใจ  อาสาสมัครใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ตลอดจนหน่วยงานราชการและเอกชนต่าง ๆ  ในพื้นที่อำเภอขนอม เข้าช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชน

@@@……กองทัพเรือยุทธการ…...พล.ร.อ. ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการ กองเรือยุทธการ มอบนโยบายการเตรียมความพร้อมกำลังของกองเรือยุทธการ ณ ดาดฟ้าบิน เรือหลวงบน ร.ล.จักรีนฤเบศร ใจความว่า กองเรือยุทธการเป็นหน่วยกำลังรบหลักของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมทั้งด้านกำลังพล เรือ อากาศนาวี และ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือสามารถประกอบกำลังเป็นกองเรือเฉพาะกิจปฏิบัติการระยะไกลป้องกันเชิงรุกตามแนวทางการใช้กำลังโดยรุกออกนอกประเทศเป็นเครื่องมือทางทหารของรัฐบาล ที่จะก่อให้ให้เกิดการเจรจาโดยสันติ บนพื้นฐานของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ กำลังทางเรือของกองเรือยุทธการได้ผ่านการฝึกภายในประเทศและฝึกร่วมกับมิตรประเทศ มีขีดความสามารถในการคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางทะเล เรือในทะเล สามารถโจมตี ไล่ล่า ทำลายกำลังฝ่ายตรงข้ามและส่งกำลังรบยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธิน ทำการยุทธบรรจบกับกำลังทางบกหน่วยกำลังรบทางเรือของกองทัพเรือมีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายปกป้องปฐพี พิทักษ์แผ่นดิน

…………..

คอลัมน์  : “Military Key”

โดย.. “รหัสมอร์ส

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img