วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSทางจบของวิกฤต ประตูสู่การเปลี่ยน 'โครงสร้างปท.'
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ทางจบของวิกฤต ประตูสู่การเปลี่ยน ‘โครงสร้างปท.’

ขอขอบคุณผู้ก่อตั้ง “สำนักข่าวเดอะคีย์นิวส์-The Key News ที่ไว้วางใจให้ผมเขียนบทความลงในคอลัมนิสต์สัปดาห์ละ 1 ชิ้น บนสภาพบรรยากาศการเมืองไทยร้อนทะลุเพดาน

แถมถูกจิตวิทยามวลชนบนโลกโซเชียลมีเดียบีบบังคับ ให้เราเลือกข้าง ซ้ายกลุ่มที่เรียกขานตัวเองว่า “ราษฎร” หรือ ขวากลุ่มราษฎรที่ครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน

แทบปิดพื้นที่ตรงกลางเปิดให้พูดคุยกันได้ทุกประเด็นอย่างมีเหตุมีผล

นั่นเป็นเพราะอินเทอร์เน็ตตอกลิ่ม โดยข้อมูลด้านต่างๆ ให้คนไทยถูกแบ่งเป็น 2 ขั้ว ขยายวงจุดม็อบดาวกระจายยังต่างจังหวัดทั่วประเทศ ประชันโชว์พลังมวลชน โดยต่างฝ่ายต่างมีกลุ่มผลประโยชน์สนับสนุน ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ส่อเป็นชนวนสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงได้ทุกวินาที ฝ่ายไหนชนะ…ย่อมยืนอยู่บนซากปรักหักพัง

เห็นได้จากข้อความที่มี ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ส่งมาให้อ่านด้วยความปรารถนาดี ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อ กลัวถูกสังคมตีความผิด สร้างความเสื่อมเสียแก่ท่าน ขอนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสมบางส่วน

ข้อความนั้นขึ้นต้นว่า “ใครวิเคราะห์ไม่ทราบ น่าอ่าน” Who am I ? Who are you? Who are we?

พร้อมออกตัวไม่เคยลงมือเขียนเรื่องการเมือง ตั้งแต่ทำเพจมาหลายปี ครั้งนี้ขอออกตัวแบ่งปันมุมมองต่อกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อให้ช่องว่างทางความคิดในสังคมมันลดลง เข้าใจเบื้องหลังหรือเหตุผลของฝ่ายเห็นต่างบ้าง

ก่อนมันจะแตกร้าวถึงระดับสถาบันครอบครัว

อยากให้บ้านคือเซฟโซน ไม่ว่ามุมมองของเราต่างกันอย่างไร???

กลุ่มที่ 1. รักรัฐบาลและรักสถาบัน รักแบบ #ถ้าเค้าจะรัก ทำผิดอย่างไงเค้าก็รัก

กลุ่มนี้หลักๆ มาจากคนที่ไม่ชอบคนเสื้อแดง ผ่านความโหดร้ายของยุคสงครามสีเสื้อ ก้าวข้ามผ่านยุคทักษิณมา แน่นอนเป็น กปปส.เก่า และต้องใช้คำว่าโล่งใจที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหาร เพื่อทำให้สงครามเสื้อสีจบ ประเทศมีความสงบ มูฟออนทางเศรษฐกิจกันได้อีกรอบ

“รักประยุทธ์เพราะจงรักภักดี”

กลุ่มนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก นอกจากอธิฐานให้ “ลุงตู่” เป็นนายกฯตลอดไป

กลุ่มที่ 2. ถึงจะไม่ชอบรัฐบาล แต่รักเสาหลักอีกต้นของประเทศ คนในกลุ่มนี้มองนักการเมืองไม่มีใครดี วนมาแล้วก็วนไป เลือกตั้งใหม่ก็ได้แบบเดิม แต่เสาหลักของประเทศสิเที่ยงแท้ ดูแลประชาชน สร้างชาติรวมแผ่นดินมาจวบถึงปัจจุบัน เติบโตมากับบุญคุณของเสาหลักของประเทศ และโครงการดีนับไม่ถ้วนในยุคก่อนหน้้านี้ คนกลุ่มนี้…ใครจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ ต้องไม่เปลี่ยนแปลงการปกครองที่อยู่คู่ชาติไทยตราบชั่วฟ้าดินสลาย

2.1 กลุ่มนี้เป็นสับเซตของกลุ่ม 2 แต่มีมุมมองเรื่องอ่อนไหวในปัจจุบันแบบให้อภัย อดทน

กลุ่มที่ 3. เกลียดรัฐบาลและต้องการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งเป็นม็อบอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็น เยาวชน หรือ “เกรต้า ธันเบิร์กเวอร์ชันไทยแลนดิ์” ออกมาด่าผู้ใหญ่ไล่รัฐบาล

เพราะห่วงอนาคตตัวเองในอีก 5-10 ปีข้างหน้า กลัวประเทศพังจนไม่เหลืออะไรในยุคตัวเอง

ไม่มองตัวบุคคล แต่มองที่อุดมการณ์เป็นหลัก ผู้ใหญ่ชอบคิดว่าโดนคนยุแยง โดนนักการเมืองปั่นหัว แต่ความจริงเด็กกลุ่มนี้ก้าวข้าม “ทักษิณ ชินวัตร-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ไปตั้งนานแล้ว

ทุกคนอินและเทคแอคชั่น เพราะมองว่า การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน

การเปลี่ยนแปลงวันนี้เป็นผลดีกับอนาคตที่ดีขึ้นของพวกเขา

ฉะนั้นต้องขับไล่ “ประยุทธ์” ที่มาจากรัฐประหาร ชนะเลือกตั้งด้วยการแก้กติกาให้เอื้อประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น ส.ว.มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ นายกฯไม่มีความรู้ ความสามารถนำพาประเทศได้ ให้โอกาสมา 6 ปี แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น

เศรษฐกิจพัง ประเทศเดินถอยหลัง!!!

เฉกเช่นแนวคิดปฏิรูปในสิ่งที่อ่อนไหว เพราะมองเห็นถึงความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียม มองถึงเงินภาษีนำไปใช้อย่างไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน บนสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ คนกลุ่มนี้ไม่เชื่อและไม่ศรัทธา

ที่น่าตกใจมีคนจำนวนมากในกลุ่ม 2 หรือแม้แต่กลุ่ม 2.1 กลายมาเป็นคนกลุ่มนี้ เพราะผ่านพิธีกรรม “การเบิกเนตร” มา

คนทั้ง 3 กลุ่มมีแนวคิดที่แตกต่างและเริ่มห่างกันเรื่อยๆ คนไทย 70 ล้านคนอยู่ใน 3 กลุ่มนี้แหล่ะ คนที่บอกว่าตัวเองเป็นกลาง ไม่ไบแอส ไม่อยู่กลุ่มไหนเลยคือ “บลูชิต” เป็นกลางไม่มีจริงในบริบทนี้

มีแค่ยอมรับและกล้าแสดงออกหรือไม่เท่านั้น

วันนี้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนคนกลุ่ม 3 ไปเป็นกลุ่ม 2 หรือ 2.1 ได้อีกไหม?

คำตอบคือ…ยากมากจนแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว

เผลอๆ จะมีคนกลุ่ม 2 ย้ายมาเป็นกลุ่ม 3 มากขึ้นด้วย ถ้ายังใช้ความรุนแรงและนำเงินภาษีไปใช้อย่างไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน กลุ่ม 3 เติบโตมาจากการหาข้อมูลหลายทาง ตั้งคำถามและหาคำตอบกับทุกอย่างที่เค้าอยากรู้

ทางจบของวิกฤตินี้คือ ต้องเปิดเจรจาอย่างเดียว ให้ทุกฝ่ายมีทางลง

ม็อบไม่มีทางได้ทุกข้อ และรัฐบาลไม่มีทางปราบไปเรื่อยๆ

รัฐบาลและทุกคนต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังมาถึง

ถึงจะเห็นต่าง แต่คน 3 กลุ่มนี้ อย่างไรก็หนีไม่พ้นวงโคจรของสังคมที่เราอยู่ คนเหล่านี้เป็นเพื่อน เป็นครอบครัว เป็นคนที่เรารู้จัก เป็นคนที่เราแคร์ การเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สายสัมพันธ์ระหว่างเรายังต้องแข็งแรง

ถ้ามีโมเม้นท์ที่โกรธในชุดความคิดของเค้ามากๆ อย่าลืมนึกถึงมิตรภาพ นึกถึงความดีของคนรอบตัวเราให้มาก แล้วเราจะผ่านมันไปได้ แม้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่และด้วยวิธีไหนก็ตาม ทั้งหมดเป็นข้อความที่ชี้ให้เห็นถึงสภาพสังคมไทยได้ไม่มากก็น้อย

ถึงบรรทัดนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี แง้มประตูให้กลไกของรัฐสภาขับเคลื่อนต่อ ทั้งเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในบัญชีรายชื่อนายกฯของแต่ละพรรคการเมือง หรือเลือกจากคนนอกบัญชี และตกลงเงื่อนแก้ไขกติกาประเทศให้สำเร็จก่อนยุบสภาเลือกตั้งใหม่

คู่ขนานไปด้วยการเปิดเวทีปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ และเปิดพื้นที่เจรจาบนโจทย์ประเทศไทยมีปัญหาใหญ่แบบบิ๊กเบิ้ม ซับซ้อน เปลี่ยนแปลงเร็ว ผู้มีส่วนได้เสียที่มีอิทธิพลทางความคิด มีชุดความเชื่อที่แตกต่างกันมาก

เพื่อให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปได้…บนถนนแห่งความขัดแย้งและกติกาที่เป็นธรรม

………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก

โดย…ราษฎรเต็มขั้น


- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img