“มันใกล้จบแล้ว”
ตามมาด้วยถ้อยคำพรั่งพรูให้เห็นเป็นฉากๆ เกี่ยวข้องเหตุบ้านการเมือง ข้อเรียกร้องของ “กลุ่มราษฎร” เป็นอีกเสียงหนึ่งสะท้อนภาพรวมจากคณะหัวก้าวหน้าม๊ากๆๆ
“ดูซิจะไปได้สักกี่น้ำ”
คำพูดกัดเบาๆ ของหนุ่มใหญ่หัวใจอนุรักษ์สุดโต่ง บ่งบอกไม่เชื่อพลังของกลุ่มราษฎรจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเปลี่ยนแปลงประเทศไทย อีกไม่นานคงหมดเรี่ยวแรงไปเอง
แค่ความเห็นของคน 2 วัย แต่ต่างมุมคิด มันสะท้อนอารมณ์ขัดแย้งทางความคิดของคนไทยได้ชนิดไม่ต้องตีความให้เมื่อยตุ่ม นับวันความร้อนแรงปะทุเดือดปุดๆ ยากที่จะหาลานบินลงจอด เพราะม็อบ 2 วัยนัดโชว์พลังอวดกล้ามกันไปมา
วันนี้ยังโชคดีไร้ความรุนแรง
ไร้มือที่สามแทรกปั่นสถานการณ์
รัฐประหารไม่ถูกเรียกใช้บริการ
ท่ามกลางหลายฝ่ายจับตามอง และพยายามช่วยหาทางออกจากวิกฤติการณ์โดยสันติ น.พ.ประเวศ วะสี ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เสนอให้ “บิ๊กตู่” และ กองทัพ ประกาศสนับสนุนสร้างประชาธิปไตยอย่างเต็มที่
เปิดให้ทุกฝ่ายร่วมประชุมหารือถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดให้สำเร็จโดยเร็ว
ยก “สถาบันพระมหากษัตริย์” ให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไรถึงเป็นทางออกทีดีที่สุด อย่าทำด้วยอารมณ์ ต้องใช้ปัญญาอย่างประณีตปรึกษาหารือในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ
ทุกกระบวนการต้องเดินตามกลไกของรัฐสภา
ระหว่างนั้นมีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อดับชนวนร้อนทางการเมือง บรรดาสมาชิกรัฐสภาเสนอทางออก ทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีลาออกและเลือกนายกฯคนใหม่ ตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์
“บิ๊กตู” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรีและรมว.กลาโหม ฮึดสู้หลังได้ยาโด๊ป สรุปตะกอนผลการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ
สนับสนุนตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการศึกษาหาทางออกจากวิกฤติชาติ ตามแนวทางที่มีการเสนอในรัฐสภา โดยเชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ส.ส.-ส.ว.-ตัวแทนม็อบหนุน-ตัวแทนม็อบต้าน
คลายล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้รัฐสภาดำเนินการต่อ
เปิดไฟเขียวปิดสวิช์อำนาจส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี
ทั้งหมดเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญและกลไกรัฐสภา
ห้ามกองทัพเข้ามาแทรก เหมือน “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ย้ำหัวหมุดหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) เมื่อ 6 ต.ค.63
บอกชัด การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
พร้อมปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล
โอกาสของการทำเรื่องพวกนี้ ทุกอย่างเป็นศูนย์ (เมื่อถูกนักข่าวถามถึงการทำรัฐประหาร)
ฉะนั้นเมื่อ “บิ๊กตู่” เปลี่ยนใจไม่ลาออกจากตำแหน่ง รับรอง “กลุ่มราษฎร” พลิกเกมต่อสู้ใหม่จนกว่าจะทิ้งเก้าอี้ แม้รัฐบาลสนับสนุนตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นมาก็แค่ยื้อเกมแห่งอำนาจ
รับรองอายุ “รัฐบาลลุงตู่” อยู่ไม่ครบเทอม
ระหว่างที่อยู่ในอำนาจนับจากนี้ ควรทำงานเชิงรุกสร้างผลงานจับต้องได้ วันนี้ต้องกล้าหาญขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
เปิดฉากปฏิรูปโครงสร้างองค์กรภาครัฐ
ปฏิรูปกลไกภาครัฐ
ปฏิรูปงบประมาณและการคลังของรัฐ
เริ่มทำได้ทันที กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ยกเลิก ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐผ่านระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (อีบิดดิ้ง) เพราะยังเปิดช่องให้ฮั้วประมูล จ่ายสิ้นบนกันได้ แม้ตัวแทนทางกรมบัญชีกลางพยายามชี้แจงถึงความโปร่งใสมาตลอด
ข้อมูลย้อนแย้งกับรายงานประจำปี 62 ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยระบุว่างบประมาณแผ่นดินหายไปกับการทุจริตสูงถึง 35%
“บิ๊กตู่” กล้าหาญทำรัฐประหารมาแล้ว คราวนี้แค่ให้นโยบายกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง วางระบบจัดซื้อสายพันธุ์ใหม่ ด้วยเทคโนโลโยยี “บล็อกเชนสายพันธุ์ไทย” รับรองหมดปัญหาซื้อขายพลาดเวิร์สให้กับผู้ประมูล
ลดการทุจริตได้จำนวนมหาศาล นำเงินส่วนนี้ไปฟื้นฟูเศรษฐกิจยุคโควิด
และควรร่องต่อยอดรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันในภาครัฐ เพื่อปฏิวัติโครงสร้างภาครัฐ-กลไกภาครัฐ-งบประมาณแผ่นดิน
ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลคนหนึ่งเชื่อมั่นว่า นายกฯหรือรัฐบาลชุดไหนก็ได้กล้าขับเคลื่อนเรื่องนี้ รับรองสามารถลดจำนวนข้าราชการ นักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ลงได้เกิน 50% และลดงบประมาณแผ่นดินค่าใช้จ่ายประจำได้กว่า 1 ล้านล้านบาท
แค่เริ่มต้น…ปฏิวัตดิจิทัลโครงสร้างองค์กรภาครัฐ เยาวชนก็เริ่มเห็นอนาคตของตัวเอง
หรือจะรอให้เกิดการปฏิวัติโดยประชาชน แตกหักไปข้าง ขึ้นอยู่กับฝีมือของรัฐบาล
…………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย…ราษฎรเต็มขั้น