เกิดคำถามขึ้นมาทันที กลไกภาครัฐตายหมดประเทศแล้วหรือ..?? ถึงปล่อยให้กลุ่มนักธุรกิจท่องเที่ยวที่เชียงรายรวมตัวกันเรียกร้องความรับผิดชอบจากสาว ๆ ที่ลักลอบข้ามแดนจากเมืองท่าขี้เหล็กฝั่งพม่า พร้อมกับนำเชื้อโควิดเข้ามาแพร่ในไทย สร้างความวุ่นวายไปทั่ว
ในข่าวระบุว่า จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท
แต่ดู ๆ แล้วการตั้งตัวเลขค่าเสียหายไว้ 20 ล้านบาท น่าจะมีเจตนาให้เป็น ข่าวดัง หวังตบหน้ากลไกภาครัฐสักฉาด โทษฐานปล่อยปละละเลยการควบคุมชายแดน
เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ ชายแดนแถวแม่สอด ที่นั่นนายอำเภอสั่งให้ยกเรือทุกลำขึ้นจากแม่น้ำเมย หากยังปล่อยให้มีเรือลอยลำเกาะข้างตลิ่ง ก็จะมีผู้คนแอบข้ามไปข้ามมากันอีก
เท่านั้นไม่พอยังสั่งให้ ชรบ.หรือชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเดินลาดตระเวน ปรากฏว่าชาวบ้านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะกลัวเชื้อโควิดจะข้ามฟากจากเมียวดีมาแพร่ที่แม่สอด
แม้จะเข้มงวดแล้วก็ตาม แต่ชายแดนก็รั่วจนได้ เมื่อคนในเครื่องแบบรับญาติของผู้นำทหารกะเหรี่ยงข้ามแดนมาเที่ยวแม่สอด ปรากฏว่าป่วยเป็นโควิด จึงต้องรีบส่งตัวกลับไปพม่า
แล้วที่น่าขำก็คือ บางหน่วยงานร่ำ ๆ จะของบซื้ออากาศยานไร้คนขับ (โดรน) อ้างเพื่อใช้บินตรวจหาผู้ลักลอบข้ามชายแดน แต่เชื่อว่าไม่ได้ผล เพราะธุรกิจพาผีพนันข้ามแดนตั้งแต่หัวละ 800 บาท จนขยับมาถึง 4,000 บาท จะทำให้เกิดอาการตาบอดชั่วคราว ทั้งคนและทั้งโดรน
เว้นแต่ “บิ๊กตู่” จะเลิกมึนกับม็อบเด็ก แล้วตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมืองจริงจัง สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรีบสอบสวนสาว ๆ ที่แอบข้ามแดน มุดตรงจุดไหน ใครพาข้าม หากไม่บอกความจริงจะดำเนินคดีให้ถึงคุกถึงตะราง
พอรู้ใครเป็น ตัวการ ก็ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยไม่สนว่าจะเป็นคนแต่งเครื่องแบบหรือพวกใส่รองเท้าแตะ ถ้ารัฐบาลเอาจริงเชื่อว่าจะแหยงกันไปเอง ไม่มีใครกล้าพาคนลอบข้ามแดนอีก
วิธีนี้จะดีแค่ไหน เพราะไม่ต้องเสียบประมาณไปซื้อโดรน แต่เชื่อว่าไม่มีใครเอาด้วย เพราะหน่วยราชการเก่งคิดตัวเลข แต่ไม่ถนัดงานแก้ปัญหาให้ประชาชน
บางคนจึงชอบพลิกวิกฤติของชาติให้เป็นโอกาสของตัวเอง
……………………….
#ดินสอโดม