10 ธ.ค.ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ หลังมีรัฐธรรมนูญใช้ฉบับแรกเมื่อเปลี่ยนการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
88 ปี ประชาธิปไตยของประเทศไทย ลุ่มๆดอนๆ มีรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น 20 ฉบับ “มีการเลือกตั้ง-ตั้งรัฐบาล-ทุจริตคอร์รัปชัน-รัฐประหาร” กลายเป็น “วงจรอุบาทว์” ทางการเมือง
เป็นประเทศที่เกิดการรัฐประหารติดลำดับต้นๆ ของโลกแล้ว
เปิดเกมให้ “ทหาร” สลับฉาก “พลเรือน” เข้ามาบริหารประเทศ
ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรการันตีว่า จะไม่เกิดรัฐประหาร แม้ โหร คมช. นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ออกมาทำนายสถานการณ์บ้านเมืองช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปี 2564
ฟันธง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เดินหน้าบริหารประเทศต่อไปจนครบเทอมและเลือกตั้งใหม่ยังได้กลับมาอีก
ผิดกลับท่าทีของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ที่ล่าสุดตอบกลับนักข่าวแบบทีเล่นทีจริงหลังถูกถามถึงกลุ่มราษฎรชุมนุมเตรียมรัฐมือรับประหาร การเมืองไทยมีโอกาสกลับไปสู่วัฏจักรเดิมๆอีกว่า
“รัฐประหารก็รัฐประหารไป มันก็เหมือนเดิม ไอ้ตู่ (พล.อ.ประยุทธ์) ก็ไปดี ผมไม่เป็นห่วง อยากให้มันเกิด”
เชื่อว่า “บิ๋กจิ๋ว” ที่ได้รับการกล่าวขานเป็นนายทหารประชาธิปไตย ไม่อยากให้เกิดรัฐประหารขึ้นจริง เพียงแค่ต้องการกระตุกให้ทุกฝ่ายเห็นว่า “วงจรอุบาทว์” ทางการเมืองเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับความเดือนร้อน “กินไม่อิ่ม นอนไม่อุ่น” นั้นคือเกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจนแสนเข็ญ ไม่มีข้าวกิน ไร้ที่ซุกหัวนอน
ในช่วงตลอดความขัดแย้งการเมืองในรอบ 10 กว่าปีมานี้ หากจับสัญญาณที่ “บิ๊กจิ๋ว” เตือนเป็นระยะ ตราบใดที่นักการเมือง พรรคการเมือง โหยหารัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาเป็นประชาธิปไตยดีแค่ไหน
สุดท้ายย่อมถูกฉีกอีก
โดยเฉพาะวิกฤติการเมืองรอบนี้ “ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์” สถาบันหลักของประเทศ ถูกล้อมรอบด้วยเสา 5 ต้น ประกอบด้วย เสาต้นแรกด้านการเมืองการปกครอบ เสาต้นที่สองด้านเศรษฐกิจ เสาต้นที่สามด้านสังคม เสาต้นที่สี่ด้านความมั่นคง และ เสาต้นที่ห้าด้านการต่างประเทศ
เสาใดเสาหนึ่งล้ม สถาบันหลักก็อยู่ไม่ได้
พร้อมแนะทางออกให้ โดยชวนตั้งโจทย์การปกครองให้เกิดความสงบควรทำอย่างไร ชี้เปรี้ยงไม่ใช่เกิดจากรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่มันเกิดจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักการเมือง พรรคราชการต้องคิดเพื่อประชาชน มุ่งหน้าทำเพื่อประชาชน
พร้อมผลักดันให้เกิดการกระจายอำนาจ เพื่อให้การปกครองมาจากประชาชนระดับล่าง นำไปสู่การปฏิรูปประเทศ ซึ่งก็เป็นไปตามแนวคิดของ “ฌอง ฌากส์ รุสโซ” นักปรัชญาสังคมชื่อก้อง ต้องการปฏิรูปทางความคิดจุดติดได้ควรเริ่มปฏิรูปจากข้างล่างขึ้นบน เพราะระดับล่างใกล้ชิดปัญหาและธรรมชาติ
สวนทางกับแนวคิดของ “วอลแตร์” นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ต้องการให้เกิดการปฏิรูปจากบนลงล่าง เพราะเครือข่ายระดับบนมีอิทธิพล สะดวกต่อการปฏิรูป
ถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่ประเทศไทยต้องปฏิรูปโดยคนระดับบน นำโดยนายกฯ และระดับล่าง นำโดยแกนนำกลุ่มราษฎร ไปพร้อมกันอย่างไรร่องรอย เพื่อเดินหน้าประเทศไทยหลังโควิด-19
เชื่อว่ากลุ่มราษฎรเอาด้วยเต็มที่
ดีกว่าปล่อยให้เกิดรัฐประหารซ้ำซาก
…………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย “ราษฎรเต็มขั้น”
