ณ เวลานี้ เข้าสู่ช่วง ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ “ไฮซีซั่น” อย่างเป็นทางการ หากเป็นปีที่แล้ว แทบทุกจังหวัดของไทย ก็จะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
บรรยากาศ อารมณ์ ความสนุกสนามของผู้คน ต่างเต็มไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน รื่นเริง ขาช้อป ขาแชะ ทั้งหลาย ก็เดินทางกันเป็นว่าเล่น ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ตั๋วรถทัวร์ เต็มแทบหาที่ว่างไม่ได้ จนทำให้ต้องขับรถกันไปเอง ส่วนพวกมีเงินมีทอง ก็พากันเก็บกระเป๋าพกเงินพกบัตร ไปเที่ยวเมืองนอกกันเป็นว่าเล่น
มาปีนี้!!ทุกอย่างช่างตรงกันข้าม เพราะปัญหาจากไวรัสร้าย “โควิด-19” แม้ว่าภาครัฐจะงัดสารพัดมาตรการออกมา เพื่อกระตุกกระตุ้นในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ทยอยเปิดประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หรือแม้แต่ การออกแพ็คมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่ทั้งลดทั้งแถมทั้งแจก รวมไปถึงการเพิ่มวันหยุด เพื่อกระตุ้น เพื่อสร้างบรรยากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว
แต่รัฐบาล อาจลืมไปว่า สร้างแรงดึงดูด ร้างแรงกระตุ้น แต่ถามว่า ถ้าไม่มี “น้ำมันหล่อลื่น” มาตรการก็ไม่สามารถหมุนไปข้างหน้าได้ หรือหากมาตรการไม่เอื้อ ไม่สะดวก ความหวังที่วางเอาไว้ ก็สะดุด จนอาจล้มครืนก็เป็นไปได้
ไม่เช่นนั้น เราคงไม่เห็น การปรับปรุงมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” มาถึง 3 ครั้ง 3 ครา หรือแม้แต่ เสียงบ่นเสียงพรำแบบชัด ๆ ว่า “ไม่มีเงินจะเที่ยว”
ที่สำคัญยังมีเรื่องของอาการ “ตระหนก” พ่วงท้ายสำทับมาอีกระลอก จากการพบผู้ติดเชื้อที่ข้ามมาจากท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จนทำให้เกิดผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือ ทั้งเชียงใหม่ ทั้งเชียงราย ที่โรงแรม สายการบิน บางแห่ง ถูกยกเลิกการจองไปเกือบทั้งหมด
หรือแม้กระทั่ง การจัดงานสัมมนา การจัดงานอีเว้นท์ ต่าง ๆ ที่ต้องถูกยกเลิก ถูกเลื่อนออกไป อย่างไม่มีกำหนด ด้วยความหวาดระแวง และความหวาดกลัว จากประสบการณ์เดิมที่เคยมีมาก่อนหน้านี้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ “ททท.” ออกมาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันหยุดยาวท้ายสัปดาห์นี้ (10-13 ธ.ค.) แม้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยยังมีอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศครั้งนี้อยู่ในภาวะที่ชะลอตัว จากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (5-7 ธ.ค.)
ในช่วงวันหยุดยาวก่อนส่งท้ายปี ครั้งนี้ ประมาณว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยว 3.11 ล้านคนครั้ง มีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า 12,600 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงหยุดยาวในเดือนพ.ย. (19-22 พ.ย.) ที่มีคนเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 3 ล้านคนครั้ง มีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนประมาณ 12,000 ล้านบาท
อย่างที่บอก…แม้รัฐบาลพยายามกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่ในเมื่อน้ำมันหล่อลื่นมีไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันอีกไม่กี่วัน ก็เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ที่จะมีการเดินทางท่องเที่ยวครั้งใหญ่ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่เป้าหมายอาจไม่เป็นไปตามที่หวัง
แต่ที่น่าสนใจ ที่คนไทยทุกคน ต้องพึงสังวร ก็คงเป็นเรื่องของการติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่เดินทางมาจากเมียนมา นั่นแหล่ะ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบมากมาย อย่างที่รับรู้รับทราบกันอยู่แล้ว
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ผู้ที่ติดเชื้อและกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เข้ามา เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด เพราะเอาเข้าจริงแล้ว คงไม่มีใครรู้ตัวเองหรอกว่าติดเชื้อ จนกว่าจะมีอาการแสดงออกมาให้เห็นและไปตรวจรักษาให้ชัดเจน
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคนไทยทั้งประเทศในเวลานี้กำลัง “การ์ดตก” ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า อย่างเข้มข้น เหมือนกับช่วงที่เกิดเหตุใหม่ ๆ
เพราะความจริงของคน!! ที่ทุกคนต้องยอมรับให้ได้ ก็คือ เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ “การเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
มาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสร้ายนี้ ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้ว ใส่หน้ากากในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ไปไหนมาไหนให้สแกน “ไทยชนะ” รวมทั้งสังเกตุอาการตัวเอง ให้ดีว่ามีอาการผิดแปลกไปหรือไม่
เพียงแค่มาตรการง่าย ๆ เท่านี้ ถ้าทุกคนช่วยกัน ทำเป็นประจำอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยการ์ดให้ตกลงมา เชื่อเถอะสถานการณ์ย่อมดีขึ้นแน่นอน
อย่าลืมว่า…คนไทยทุกคน ต่างเผชิญเหตุการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ กันมาแล้ว หากยังไม่สังวร กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีก หากทุกอย่างเลวร้ายไปกว่าที่คิด คงไม่สามารถไปโทษใครได้นอกจากตัวเอง!!
……………………………….
คอลัมน์ : EC Focus By Virgo