วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSไม่รอด!รัฐรีดภาษีขายหุ้น จับตาได้คุ้มเสียแค่ไหน?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไม่รอด!รัฐรีดภาษีขายหุ้น จับตาได้คุ้มเสียแค่ไหน?

ใครจะไปคิด!! อยู่ ๆ กระทรวงการคลัง…ก็นำเรื่องการ “เก็บภาษีขายหุ้น” ที่ค้านกันมานาน เข้าสู่การพิจารณาของครม.บิ๊กตู่ เมื่อวันอังคารที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสสังคมที่นั่งหาวเรอรอลุ้น “ของขวัญปีใหม่” ของรัฐบาล

กลับกลายเป็นว่า…ของขวัญที่คนไทยทั้งประเทศรอกันอยู่ กลายเป็นการเรียกเก็บภาษีขายหุ้นของรัฐบาลซะงั้น!! คือแทนที่จะได้ของขวัญ ก็ต้องมาเสียเงินให้กับรัฐบาล

ต่อให้มีคำเปรียบเปรยที่ว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” แต่ในเวลานี้คงใช้ไม่ได้กันแล้ว เพราะ…ไม่ว่าจะรวย!! จะจน!! ต่างก็หันมาเล่นกันทั้งหุ้น-ทั้งหวย นั่นแหล่ะ อะไรที่ทำเงินได้ ย่อมไม่มีใครปฎิเสธแน่

แม้กระทรวงการคลัง จะยืนยันนั่งยันว่าการเรียกเก็บภาษีการขายหุ้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องเดิมมากว่า 40 ปี เพียงแต่ที่ผ่านมา ได้ยกเว้นภาษีให้เพราะต้องการส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนไทย

แล้วก็ได้ผลชัดเจน เพราะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ปรากฎว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ต แคป เพิ่มขึ้นถึง 22 เท่า ขณะที่ล่าสุด ณ เดือนต.ค. 65 มีบัญชีของผู้ที่เทรดหุ้นหรือซื้อขายหุ้น มากถึง 5.73 ล้านบัญชี มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 65 มีจำนวน 14.76 ล้านล้านบาท เข้าไปแล้ว

ดังนั้น…จึงควรหันมาจัดเก็บภาษีเหมือนเดิม โดยเป็นส่วนของการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 0.1% ของรายรับ หรือ 0.11% เมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น แต่เพื่อให้นักลงทุน บรรดาแมลงเม่าทั้งหลาย สามารถปรับตัวได้ ก็ให้จัดเก็บเพียงแค่ 0.055% ไปก่อน

ทั้งนี้ฝ่ายจัดเก็บภาษี ประเมินไว้ว่าในปีแรก จะทำให้รายได้จากภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้น จะเพิ่มขึ้นในปีแรกประมาณ 8,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 16,000 ล้านบาทในปีต่อ ๆ ไป

การจัดเก็บภาษีขายหุ้นครั้งนี้ เก็บจริงได้ก็ราว ๆ ในเดือนเม.ย. ปีหน้า แต่อย่าลืมว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย จนทำให้บรรดาสำนักวิจัย ทั้งแบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง หรือภาคเอกชน ต่างหั่นจีดีพี ปี 66 ลดลงกันเป็นแถว ดูทรงแล้วไม่เกิน 3.7%

ในเมื่อเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยง แต่กลับกลายเป็นว่า ภาครัฐมาเพิ่มต้นทุนให้กับภาคตลาดทุน แม้ ณ เวลานี้ ตลาดทุนไทยจะสุดยอดแข็งแกร่งในอาเซียนก็ตาม

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!! ที่คนในแวดวงตลาดทุนต่างดาหน้าออกมา “คัดค้าน” เพราะมองว่า กลายเป็นปัญหาอุปสรรคใหญ่!! สภาพคล่องในตลาดจะลดลง นั่นหมายถึง “เสน่ห์” ของตลาดหุ้นไทยย่อมลดลงไปด้วย

สุดท้าย!! บริษัทจดทะเบียนก็ระดมทุนได้ยากขึ้น ราคาหุ้นไม่สะท้อนพื้นฐานของแต่ละบริษัท ความคุ้มค่าในสายตาของนักลงทุนต่างชาติก็เปลี่ยนไป จนอาจสูญเสียแชมป์ในด้านผู้นำสภาพคล่องในตลาดหุ้นอาเวียนให้กับสิงคโปร์ คู่แข่งคนสำคัญ ก็เป็นไปได้

ที่สำคัญ…เมื่อมาบวกลบคูณหาร ดีดลูกคิดคำนวณกันแล้ว ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงเช่นนี้ สิ่งที่กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายไว้ คงเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว หรืออาจน้อยกว่านั้นก็เป็นไปได้

หลัง “ครม.ลุงตู่” ไฟเขียวเห็นชอบให้เก็บภาษีขายหุ้น “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือเฟทโก้ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ช่วงนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการเก็บภาษีหุ้น เพราะตลาดในสินทรัพย์ต่าง ๆ ยังอยู่ในช่วงผันผวน

ทั้งหุ้น พันธบัตร ทองคำ หรือแม้แต่ ค่าเงิน รวมไปถึงสินทรัพย์ใหม่ เช่น เงินคริปโตเคอเรนซี่ ที่ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ปลายปีก่อน แถมยังเชื่อว่าจะผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง

แถม!! ยังมีเค้าลาง ของ “วิกฤตเศรษฐกิจ” ที่รออยู่ข้างหน้า ฉะนั้น!! ด้วยสารพัดเหตุผลทั้งปวง!! จึงไม่ใช่เวลาที่จะมาเก็บภาษีขายหุ้นใด ๆ

อย่างที่บอก…เสียงคัดค้านจากฝั่งตลาดทุนต่างเซ็งแซ่!! แต่ในแง่ของ “ขุนคลัง-อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” บอกเพียงแค่ “เพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี”

ทั้งหลายทั้งปวง! คงต้องรอว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ตลาดหุ้นไทยจะสั่นสะเทือนมากน้อยเพียงใด?

……………..
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img