ปมปัญหา? ค่าไฟภาคเอกชนแพง!! กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมืองอีกยก หลังบรรดาภาคเอกชนต่างทนไม่ไหว เพราะไม่ว่าจะเรียกร้องให้ทบทวนการขึ้นค่าไฟเอกชนเพียงใด สุดท้ายก็ไม่มีการตอบสนอง
ในเมื่อเรียกร้องหนัก ๆ ไปแล้ว กลับถูกเมินเฉย ก็ต้องใช้ไม้ตาย เรียกร้องขอพบ “ผู้มีอำนาจสูงสุด” อย่างนายกรัฐมนตรี ไปเลยก็แล้วกัน กะว่าลองดูกันอีกตั้งว่า…ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร?
เพราะสุดท้ายแล้ว!! ผู้บริโภคนั่นแหล่ะ ที่ต้องเป็นผู้แบกรับภาระแทนทั้งหมด เพราะภาคเอกชนย่อมต้องส่งผ่านต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาทางราคาสินค้าแทน
ไม่เพียงเท่านี้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ภาคเอกชนเรียกร้อง ก็คือ ปัญหานี้จะกลายเป็นลูกโซ่ จนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ บรรดานักลงทุนต่างชาติ จะโกยแน่บหันหนีไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามแทน
ด้วยเหตุปัจจัยที่มีทั้งค่าไฟถูก 2 บาทเศษต่อหน่วย แถมพกไปด้วยค่าแรงงานที่ไม่แพงหนักมากเมือนเมืองไทย ขณะเดียวกันเมื่อต้นทุนของเอกชนเพิ่มขึ้น ก็ย่อมทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น ก็ยิ่งฉุดความสามารถในการแข่งขันให้ลดลงตามไปด้วย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก… ที่เอกชนดิ้นรนหนักมากที่ต้องการชี้แจงปัญหาให้กับ นายกฯบิ๊กตู่ ได้รับทราบ ได้เข้าใจ ในฐานะผู้บริหารประเทศและในฐานะผู้คุมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
เพราะต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ รัฐบาลของบิ๊กตู่ มีรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเศรษฐกิจแบบไม่เบ็ดเสร็จ แยกเป็นภาคเศรษฐกิจ ไม่มีใครดูองค์รวมอย่างแท้จริง จึงทำให้การมองภาพเศรษฐกิจเป็นเพียงต่อน ๆ
ดังนั้น!! เมื่อแก้ปัญหาตรงนี้ ก็จะไปโผล่ปัญหาที่อื่นอีก แบบไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายปัญหาก็ไม่ถูกแก้ กลายเป็นอุปสรรคขวางทางการลงทุน นักลงทุนที่ไหนก็หนีหายกันหมด
ขณะเดียวกัน ไม่ใช่เพียงแค่ภาคเอกชน ที่ต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าแพง ประชาชนคนไทย ที่ผ่านมาก็ใช้ไฟฟ้าแพงไม่น้อยเช่นกัน ส่วนหนึ่ง!! ที่ต้องยอมรับปัญหาไปโดยปริยาย มาจากเรื่องของ “การบริหารจัดการ” ที่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
“อิฐบูรณ์ อ้นวงศา” เลขาธิการสภาองค์กรผู้บริโภค ขยายปัญหาให้เห็นชัดเจน การอ้างเรื่องต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากปัญหาระดับโลก เป็นเพียงแค่ปลายเหตุเท่านั้น
ปัญหาใหญ่…อยู่ที่การบริหาร เพราะทุกวันนี้บรรดาภาคเอกชนต่างถีบตัวกันสุดฤทธิ์ ที่จะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอง ด้วยเพราะประโยชน์มหาศาลที่อยู่ตรงหน้า ได้กลายเป็น “ของหวาน” ที่ใคร ๆ ก็อยากได้
ทุกวันนี้โรงไฟฟ้าเอกชนผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ด มีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงเกือบ 70% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ สร้างผลประโยชน์ทั้งนอกและในตลาดหุ้นได้กันเป็นกอบเป็นกำ จนนายทุนกลายเป็นเศรษฐี-มหาเศรษฐี
ที่สำคัญ ณ เวลานี้ กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศยังมีสูงถึง 50% อีกต่างหาก ทั้งที่ข้อกำหนดเรื่องไฟฟ้าสำรองเพื่อรองรับความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศอยู่ที่ 15% เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า” หรือ “ค่าเอพี” ที่หลายคนต่าง “ติดใจ” และหยิบยกมาตั้งคำถามว่า เหตุใด? ต้องควักเนื้อจ่ายให้ภาคเอกชนมาถึงปีละ 49,000 ล้านบาทกันทีเดียว
แม้ในความเป็นจริงแล้ว จะเป็นการ “การันตี” ความมั่นคงของระบบไฟฟ้าเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติ เพราะหากไม่มีการการันตี ตรงนี้แล้วถ้าภาคเอกชนเกิด “เบี้ยว” ก็จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศได้
แต่ปัญหานี้ ก็ยัง “คาใจ” ใครต่อใคร เพราะปรากฎว่า บรรดาโรงไฟฟ้าเอกชน 7 ใน 12 แห่ง ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าหรือเดินเครื่องไม่เต็มศักยภาพด้วยซ้ำ แต่ก็ได้รับเงิน “ค่าเอพี” เต็มกำมือ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ ราคา “POOL ก๊าซ” หรือ ราคาผสมจากทุกแหล่ง รวมถึง ค่าสถานีบริการ และ ค่าผ่านท่อ ที่ราคาขยับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้า “รับช่วงต่อ” ในแหล่งก๊าซอ่าวไทย ก็ยังคงมีปัญหา ที่ยังไม่สามารถบริหารจัดการได้แบบ 100%
ไม่ใช่แค่นี้!! ยังมีอีกสารพัดสารพันปัญหาที่เกิดจาก “การบริหาร” ที่ไม่ดีพอ จึงทำให้ต้นทุนค่าไฟแพง บรรดาองค์กรภาคประชาชน 133 องค์กร ทั้ง สภาองค์กรของผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เครือข่ายสิ่งแวดล้อม เครือข่ายไฟฟ้า ประปาและยาเพื่อชาติและประชาชน
หรือแม้แต่ สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย และ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ต้องออกมายื่นหนังสือให้ รองนายกฯและรมว.พลังงาน เรียกร้องให้เข้ามาแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพงอย่างเร่งด่วน
เช่นเดียวกับภาคเอกชน ในนามของ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ที่มีทั้ง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ที่เตรียมแอคชั่นอีกครั้ง!! ในวันที่ 23 ธ.ค.65 นี้
ทั้งหมด!! คงต้องรอดูว่า “ทางออก” ของเรื่องนี้จะหัวหรือก้อย เป็นไปตามข้อเรียกร้องของเอกชนแค่ไหน หรือสุดท้ายแล้วต้องให้ “ประชาชน” กลายเป็นตัวประกันอีกครั้ง!!
………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
