ประเทศไทย!! เข้าสู่โหมดการเมือง…เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง อย่างเต็มที่ หลัง “บิ๊กตู่” ได้ออกมาประกาศไทม์ไลน์การเลือกตั้งอย่างชัดเจน ทั้งการยุบสภาที่จะมีขึ้นภายในเดือนมี.ค.นี้ ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะหมดวาระในวันที่ 24 มี.ค.66
ทั้งนี้ทั้งนั้น…ก็เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติ (ส.ส.) ทั้งหลาย ที่ต้องการย้ายสังกัดจะดำเนินการได้ทันก่อนการเลือกตั้งตามกฎหมาย
ส่วนกรอบเวลาเลือกตั้ง…“นายกฯบิ๊กตู่” ระบุไว้ชัดเจนเช่นเดียวกันว่า…จะเป็นไปตามที่คณะกรรมการเลือกตั้ง หรือกกต. ประกาศเอาไว้ คือเบื้องต้น ในวันที่ 7 พ.ค.66
ว่ากันว่า!! สไตล์คนไทยแล้วย่อมมี “ความเชื่อ” เป็นส่วนสำคัญของชีวิต การจะดำเนินการอะไร? ก็ต้อง ดูฤกษ์ดูยามที่ดี เพื่อให้เกิดศิริมงคลกับตัวเอง โดยเฉพาะ “วันธงชัย”
ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ เชื่อว่าในวันธงชัย!! หากทำสิ่งใดในวันนี้ มีเกณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ การงานเจริญรุ่งเรือง ทั้งการขึ้นบ้านใหม่ การเริ่มต้นกิจการ การออกรถ หรือการคลอดบุตร ถือเป็นการเสริมสิริมงคล เสริมชีวิตให้กับดวงชะตาทั้งสิ้น
ส่วน ในเดือนมี.ค.66 นี้ วันธงชัยตามปฎิทินแล้ว จะตรงกับวันพุธในทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ วันพุธที่ 1-วันพุธที่ 8-วันพุธที่ 15-วันพุธที่ 22 และ วันพุธที่ 29
ด้วยเหตุฉะนี้…จึงมีการคาดการณ์กันออกมาว่า ความน่าจะเป็นมากที่สุดที่นายกฯบิ๊กตู่ เลือกยุบสภา อาจเกิดก่อนวันที่ครบวาระของรัฐบาล คาดกันว่า น่าจะเป็นวันที่ 15 มี.ค.66 นี้
ส่วนจะใช่หรือไม่ ก็ยังต้องรอดูกันต่อไป รวมไปถึงวันเลือกตั้งที่กกต.ได้กำหนดไว้ในเบื้องต้นด้วยเช่นกัน เพราะ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ก็เปิดทางไว้ว่า หากเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็สามารถเลื่อนได้
เอาเป็นว่า…ประชาชนคนไทยก็ต้องอดใจรอดู “อนาคต” ที่จะเกิดขึ้นกันต่อไปว่า โดนใจ ตรงใจ กันมากน้อยแค่ไหน? กับหน้าตาของรัฐบาลใหม่ ผู้นำประเทศคนใหม่
เช่นเดียวกับบรรดา “นโยบายหาเสียง” ที่แย่งชิงกันออกมาว่าจะทำได้ตลอดรอดฝั่ง สมกับค่าคะแนนเสียงที่ให้ไว้หรือไม่? อย่าลืมว่า!! หนทางจากนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่ยังมีสารพัดพายุโหมกระหน่ำกันเข้ามาจำนวนไม่น้อย ต่อให้…มีการประเมินกันว่าในช่วงเลือกตั้งนี้ อาจมีเงินเข้ามาหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศระดับหลักแสนล้านบาทก็ตาม
แต่ ปัจจัยภายนอกประเทศ ก็ยังมีเข้ามารุมเร้าไม่น้อยไปกว่าเดิม เพราะล่าสุด “สภาพัฒน์” ก็ส่งสัญญาณที่ชัดเจนมาแล้วว่า การเดินหน้าเศรษฐกิจในปี 66 นี้ ไม่ง่าย
เพราะ…เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ขยายตัวได้เพียง 1.4% เท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ทีี่ 2% จึงฉุดให้เศรษฐกิจไทยในปี 65 ขยายตัวได้เพียง 2.6% ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 3.2%
ที่สำคัญเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้าย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ปรากฎว่า กลับหดตัวไปถึง 1.5% นั่นเท่ากับว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับภาวะถดถอย
มรสุมจากเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ทำให้สภาพัฒน์ต้องยอมยกธงขาว ต้องยอมลดการคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ใหม่ โดยเหลือเพียง 2.7-3.7% หรือมีค่ากลางที่ระดับ 3.2% จากเดิมที่คาดการณ์ในระดับ 3-4% หรือมีค่ากลางที่ 3.5%
ในเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลงเร็วกว่าที่คาด การพึ่งพารายได้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะ การส่งออกสินค้าไทย ที่มีสัดส่วนในเศรษฐกิจ 60-70% จึงกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ทุกฝ่ายต่างภาวนาไม่ให้เลวร้าย แต่จะโชคดีแค่ไหน เวลานี้ไม่มีใครบอกได้
“ทรงอย่างแบด” เช่นนี้ สภาพัฒน์ก็เชื่อว่าการส่งออกไทย ในปีนี้จะไม่หอมหวาน นอกจากไม่ขยายตัวแล้วยังอาจติดลบไปที่ 1.6% ด้วยซ้ำไป ก็ด้วยเพราะ โลกป่วย ประเทศที่ยังต้องพึ่งพาการค้าขายจากโลกเป็นหลัก เช่น ไทย ก็ต้องถูกผลกระทบไปด้วย
ต่อให้!! ไทยได้รับอานิสงส์ จากภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากแดนมังกร เข้ามาตีปีกช่วยพยุงไว้ได้ในระดับหนึ่งก็ตาม แต่รายได้จากการท่องเที่ยว ก็มีสัดส่วนเพียงแค่ 10% ของเศรษฐกิจเท่านั้น
อย่างที่บอก… ประเทศไทยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากการเข้ามาของฝ่ายการเมืองไม่สามารถกระตุกกระตุ้นความเชื่อมั่นของประชาชนคนไทย รวมถึงบรรดาชาวโลกที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย แถมฝีมือในการกู้เศรษฐกิจ ไม่มีด้วยแล้ว!! ก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง!!
……………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
