วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSดัน“ประเพณีสงกรานต์”สู่เวิลด์คลาส!!! ลุ้นขึ้น“ทะเบียนมรดกโลก”ชิ้นที่4ไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ดัน“ประเพณีสงกรานต์”สู่เวิลด์คลาส!!! ลุ้นขึ้น“ทะเบียนมรดกโลก”ชิ้นที่4ไทย

เทศกาลสงกรานต์ประจำปี 66 นี้ มีช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.66 โดยวันที่ 14 เม.ย.นี้ ถือเป็นวันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติ ตรงกับวันศุกร์ แรม 9 ค่ำ เดือน 5 เวลา 16 นาฬิกา 01 นาที 02 วินาที

ขณะที่ใน วันที่ 16 เม.ย. เวลา 20 นาฬิกา 12 นาที 24 วินาที จะเป็นการเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ เป็น 1385 เรียกง่าย ๆ ก็คือ วันปีใหม่ของไทย นั่นเอง

เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการในแต่ละจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม หรือแม้แต่กรุงเทพมหานคร ต่างประกาศจัดงานครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อสาดความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ

เพราะ… อย่าลืมว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทย-คนไทย ต้องเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น จึงได้เห็นบรรยากาศของการจัดงานสงกรานต์ที่เต็มไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และเริ่มเล่นสาดน้ำกันตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. ด้วยซ้ำไป

เรียกได้ว่า งานสงกรานต์ในปีนี้ จัดเต็มคาราเบลกันทีเดียว หลังจากอัดอั้นกันมานาน ขณะเดียวกันด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด การเล่นสาดน้ำ ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถคลายความร้อนกันไปได้บ้าง

เทศกาลสงกรานต์ Cr : Surachet Watcharravisit

จึงไม่ต้องแปลกใจว่า!! เงินสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะทะยานสูงกว่า 1.25 แสนล้านบาท แน่ๆ หรือเพิ่มขึ้น 17.3% โดยเงินจำนวนนี้มาจากการออกมาจับจ่ายใช้สอย ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งด้านมูลค่าการใช้จ่ายและปริมาณการซื้อสินค้าและบริการ

แม้ยังไม่เที่ยบเท่ากับช่วงปี 62 ช่วงก่อนเกิดโควิด ที่เรียกได้ว่า…การท่องเที่ยวของไทยนั้น “พีค” สุด ๆ ทีเดียว ทุบสถิติทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้ทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเฉียด 11 ล้านคนกันทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นหนึ่งใน 5 เอฟ หรือ ซอฟท์เพาเวอร์ของไทย ที่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะเข้ามาส่งเสริมและผลักดันเพื่อให้เป็นแม็กเน็ต ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ

ด้วยการเป็นเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นประเพณี หรือ Festival ที่มีศักยภาพสูง และเป็นเฟสติวัลระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ล่าสุด “องค์การยูเนสโก” ได้อนุมัติให้ “ประเพณีสงกรานต์” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นเพื่อพิจารณาในที่ประชุมในช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ชิ้นที่ 4 ของไทย ต่อจาก “โขน-นวดไทย-โนรา”

เรื่องนี้…สะท้อนให้เห็นว่า ทั่วโลกให้ความสำคัญกับประเทศไทยและให้การยอมรับ โดยเห็นถึงคุณค่าและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของประเพณีสงกรานต์ไทย ที่เดินมาถูกทางเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในอนาคต

ขณะที่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ประเมินว่า ในช่วงนี้จะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 14,000 เที่ยวบิน โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นมากถึง 219% ปริมาณผู้โดยสารมีประมาณ 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 137%
ในจำนวนผู้โดยสารทั้ง 2.37 ล้านคนนี้ แยกเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 1.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากถึง 561% ทีเดียว

ขณะที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. คาดว่าในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์นี้ จะมีรายได้ทางการท่องเที่ยวที่ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 22% และยังถือได้ว่าการท่องเที่ยวของตลาดในประเทศนั้นได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดโควิด แล้ว

ที่สำคัญ!! การจัดงานสงกรานต์ในปี ทั้งภาครัฐภาคเอกชนต่างร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานแบบยิ่งใหญ่ พร้อมกับยกระดับแต่ละงานให้เทียบชั้นงานระดับโลก หรือ เวิลด์คลาส

“THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023” จัดโดย “เซ็นทรัลพัฒนา”

อย่าง…งานสงกรานต์มหาบันเทิง ที่ “เซ็นทรัลพัฒนา” ได้ร่วมกับภาครัฐและเอกชนพันธมิตร สร้างสรรค์จัดขึ้นโดยทุ่มทุนกับมากถึง 100 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้งานสงกรานต์ปีนี้ขึ้นแท่นเทศกาลระดับโลก เหมือนกับงาน Chinese New Year ที่ผู้คนทั่วโลกต่างไปฉลองพร้อมกัน รวมถึงการจัดเทศกาลดนตรีระดับโลกท่ามกลางสายน้ำ ซึ่งจัดขึ้นทั้ง 38 สาขาทั่วประเทศ

หรือ!! งานไอคอนสยาม มหัศจรรย์เจ้าพระยา มหาสงกรานต์ ที่ได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ส่งเสริมสงกรานต์วิถีไทย ก้าวสู่ความเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศเทียบเท่ามรดกโลก

ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ก็จัดงาน “เทศกาลสาดความสุข สนุกแบบอินเตอร์” ควบคู่กับงานเทศกาล “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์” ประจำปี 2566 ที่จัดงานสงกรานต์แบบไทยและต่อยอดยกระดับงานประเพณีพื้นเมืองไทยสู่สากล ผ่านการนำเสนองานเทศกาลประเพณีที่มีคล้ายคลึงกันในแต่ละประเทศ เช่นเทศกาลโฮลี เทศกาลสิบสองปันนา เทศกาลโคลนจากเมืองโพเรียง เกาหลี เป็นต้น

เอาเป็นว่า เมื่อทุกอย่างอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” ก็ต้อง “รีบตัก” ต้องพัฒนาการเดินทางท่องเที่ยวในไทยให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยเน้นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ แทนการเน้นปริมาณ ซึ่งจะดีกว่า หากมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากแต่กลายเป็นว่าเงินทองที่ได้!! กลับไม่ได้ตกอยู่กับผู้ประกอบการไทยด้วยซ้ำ!!

………………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img