ภาพประวัติศาสตร์!! ของความร่วมมือจัดตั้ง รัฐบาลชุดใหม่ จาก 6 พรรคการเมือง โดยมี “พรรคก้าวไกล” เป็นแกนนำ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 พ.ค.66 ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็น “ทอล์คออฟเดอะทาวน์” กันอีกครั้ง
แม้เบื้องต้น…ดูเหมือนว่า หนทางของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ดูจะเดินหน้าต่อไปได้ตามที่ครรลองที่ควรจะเป็น!!
แต่…ในความเป็นจริงแล้ว…จะใช่อย่างที่เห็นกันหรือไม่?
เพราะอย่าลืมว่า ขวากหนามสำคัญของเกมการเมืองรอบนี้ก็คือ ท่าทีของบรรดาสมาชิกวุฒิสภา ทั้ง 250 เสียง ที่สุดท้ายแล้ว จะยอมให้การสนับสนุนเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 30 อย่างที่คาดหวังหรือเปล่า? ยังไม่มีใครรู้
ถือเป็นปัญหาคลาสสิกหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ เพราะ…ทุกครั้งหลังการเลือกตั้ง การเจรจาต่อรอง เกมอำนาจ มักบังเกิดขึ้นเสมอ
ที่สำคัญ!! ผลประโยชน์ของพวกพ้องก็มักอยู่เหนือผลประโยชน์ของประชาชนทุกครั้ง…เรียกได้ว่า เป็นสัจธรรม ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องเผชิญมาตลอดทั้งชีวิตก็ว่าได้
“การเมือง” ก็คือเรื่องของการผสานผลประโยชน์ ถ้า “ลงตัว” ก็ไร้ปัญหา ถ้า “ไม่ลงตัว” ก็เป็นอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้นั่นแหล่ะ!!
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่บรรดาภาคธุรกิจต่างส่งเสียงดัง เรียกร้องให้การประสานผลประโยชน์ จบลงโดยเร็วที่สุด หาก…ปล่อยให้ล่าช้า ปัญหาก็จะบังเกิดไม่น้อยทีเดียว
เพราะตราบใด ที่ยังเกี้ยเซี๊ยะไม่ลงตัว ยังทะเลาะเบาแว้งกันไม่เลิก การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยเร็ว จะยิ่งทำร้ายระบบเศรษฐกิจมากขึ้นเท่านั้น
อย่าลืมว่า ในเรื่องของธุรกิจ ก็ต้องมีนโยบายของรัฐบาลให้ชัดเจน จะยกเลิก!! จะเดินหน้าต่อ!! จะชะลอ!! หรืออย่างไร !! ก็ต้อง “ชัดเจน” เพราะบรรดาภาคธุรกิจจะได้รู้ว่าจะเดินหน้าธุรกิจอย่างไรต่อไป
เช่นเดียวกับ…ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จะได้รู้ได้เห็นว่า ที่หาเสียง ที่ขายฝันกันไว้ก่อนหน้านี้ จะเป็นความจริงหรือไม่? อย่างไร?
ยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจในโลกตอนนี้ ยิ่งไม่แน่นอน มีปัจจัยเสี่ยงเกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน ที่สำคัญ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ หากยังคาราคาซังก็ยิ่งมีแต่ปัญหา
ด้วยเหตุนี้!! บรรดาภาคเอกชน ต่างพาเหรดเฮโล กระทุ้งให้บรรดาพรรคการเมืองที่กวาดคะแนนเสียงนั้น เร่งจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด
ที่สำคัญ…ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพให้มากที่สุด เพราะถ้าตราบใดที่รัฐบาลไม่มั่นคง จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ
ไม่เพียงเท่านี้ เรื่องของ “คะแนนเสียง” ที่รวมตัวจัดตั้งเป็นรัฐบาลชุดใหม่นั้น ต้อง “มีมากพอ” เพื่อให้แข็งแกร่ง ไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ง่าย
เมื่อ…ได้รัฐบาล ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเข้ามาแก้ปัญหา “ปากท้อง” ให้ประชาชนคนไทย ที่ต่างตั้งหน้าตั้งตา “รอ” ให้รัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่
เช่นเดียวกับการบริหารบ้านเมือง การบริหารเศรษฐกิจให้เดินหน้า เพื่อให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตจากข้างล่างขึ้นบ้างบน เพื่อให้ภาพรวมนั้นเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ไม่ใช่เพียงแค่ เรื่องปากท้อง!! เท่านั้น แต่อีกสารพัดเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่หาเสียงกันเอาไว้ ก็ต้องออกนโยบายมาให้ชัดเจน ว่าจะทำอย่างไร จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
แม้เวลานี้เศรษฐกิจจะเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สภาพัฒน์ได้ออกมาชี้แจงตัวเลขให้เห็นกันแล้วว่าในไตรมาสแรก ปีนี้ เศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่อได้ที่ 2.7%
แต่!! ก็อย่ามัวชะล่าใจไป เพราะสารพัดความเสี่ยง รอกันอยู่อย่างดาษดื่น ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ ยังอยู่ในระดับสูง หรือแม้แต่ปัญหา โลกร้อน ก็ยังรอแก้ปัญหาอยู่เช่นกัน
ที่เหนืออื่นใด… ก็คือ เรื่องของการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 แม้มีการใช้งบประมาณไปพรางก่อนได้ก็ตามแต่ถ้ายิ่งล่าช้า ไม่สามารถใช้งบประมาณได้ เงินลงทุนต่าง ๆ ก็จะไม่เกิด เศรษฐกิจก็จะไม่เดินหน้า
เอาเป็นว่า… ณ เวลานี้ คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า เกมการเมืองจากนี้จะเดินหน้ากันอย่างไร?
………………………..
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
